บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) "TMILL" โรงงานโม่แป้งสาลีรายใหญ่และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 2/2565 มีกำไรสุทธิ 34.16 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 34.43 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 บาท พร้อมปรับกลยุทธ์ทั้งด้านการผลิตและการจัดจำหน่าย เพื่อให้ยังคงความสามารถในการทำกำไร ให้ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2565
นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) "TMILL" เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 34.16 ล้านบาท ลดลงเพียง 0.28 ล้านบาท คิดเป็น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.43 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ปรับลดลง เนื่องจากต้นทุนของข้าวสาลีที่ใช้ในไตรมาส 2/2565 นี้ ปรับสูงขึ้นกว่าไตรมาส 2/2564 ถึง 50.3% ซึ่งเป็นสัดส่วนต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจำหน่ายแป้งสาลี ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2565 ลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายในไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 472.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.2% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนทำได้ 374.11 ล้านบาท โดยรายได้จากการจำหน่ายแปังสาลีเพิ่มขึ้น 26.3% ส่วนรายได้จากการจำหน่ายรำข้าวสาลีลดลง 0.1% ถึงแม้ปริมาณจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีลดลง 6.3%และ 12.8% แต่ราคาจำหน่ายแป้งสาสีและรำข้าวสาลีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 40.3%และ 14.1% ตามลำดับ
ด้านการใช้อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยในไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 69.77% ลดลง 5.15% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 74.92% ซึ่งเป็นการลดปริมาณการจำหน่ายลงตามแผนปรับกยุทธ์ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาข้าวสาลีปรับสูงขึ้น สำหรับงวด 6 เดือนปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 51.94 ล้านบาท ลดลง 29.35 ล้านบาทคิดเป็น 36.1% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีผลกำไรสุทธิ 81.28 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง 8.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนของข้าวสาลีที่ใช้ในปี 2565 นี้ ปรับสูงขึ้นถึง 52.4%
ส่วนรายได้จากการจำหน่ายใน 6 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ระดับ 926.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.3% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดี่ยวกันของปืก่อนทำได้ 763.82 ล้านบาท โดยที่รายได้จากการจำหน่ายแป้งสาลีเพิ่มขึ้น 21.0% และรายได้จากการจำหน่ายรำข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 0.3% ทั้งนี้ มาจากราคาจำหน่ายแป้งสาสีและรำข้าวสาลีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 39.4% และ 14.1% ตามลำดับ ถึงแม้ว่าปริมาณจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลี่จะลดลง 10.3% ก็ตาม และมีการใช้อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยใน 6 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 69.51% ลดลง 7.79% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของ
ปีก่อนอยู่ที่ 77.30%
นางแววตา กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ตลาดข้าวสาลีในครึ่งปีแรกของปี 2565 ข้าวสาลีปรับสูงขึ้นมากกว่า 50% โดยปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 และสูงมากขึ้นอีกตั้งแต่มีข่าวการทำสงครามระหว่างรัสเชียกับยูครนในระหว่างไตรมาส 1-2/2565 นี้ จึงทำให้มีการปรับราคาจำหน่ายแป้งสาลีขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อลูกค้าและผู้บริโภคปลายทางไม่ให้รุนแรงมากจนเกินไปบริษัทฯ ได้แบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นบางส่วนไว้ จึงส่งผลต่ออัตตรากำไรขั้นต้นให้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับในปี 2565 นี้เป็นปีที่ท้าทายความสามารถของฝ่ายบริหารอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะต้องพบกับสถานการณ์อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายบริหารและพนักงาน TMILL ทุกคน ยังคงตั้งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลงาน และสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกท่านต่อไป พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ก็ยังมีการปรับกลยุทธ์ทั้งด้านการผลิตและการจัดจำหน่าย เพื่อให้ยังคงความสามารถในการทำกำไร ให้ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2565