SCB CIO แนะทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯเน้นกลุ่ม High Quality หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ใกล้ผ่านจุดสูงสุด เฟดขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลง คาดสิ้นปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายเฟดอยู่ที่ระดับ 3.25 - 3.50% ส่วนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและ valuation หุ้นอยู่ในระดับน่าสนใจ
ดร. กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO ) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มทำจุดสูงสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ และชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเป็นผลจากการลดลงของราคาพลังงานโดยเฉพาะน้ำมัน ปัญหาคอขวดห่วงโซ่อุปทานที่ดีขึ้น การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอลง จากฐานที่สูงในช่วงไตรมาส 4 / 2021 โดยอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงแต่ยังอยู่ในระดับสูงนี้จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2022 แต่จะเป็นการขึ้นในอัตราที่ช้าลงและเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีเฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรวมแล้ว 225 basis points (bps) และคาดว่าจะขึ้นต่ออีก 100 bps ในอีก 3 การประชุมที่เหลือของปีนี้ จะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นสู่ระดับ 3.25 -3.50% ณ สิ้นปี 2022
การดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวของเฟดนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลกดดันต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในหลายช่องทาง เช่น การแข็งค่าของเงินดอลลาร์เทียบสกุลคู่ค้าที่กดดันการส่งออกสุทธิของสหรัฐฯ การปรับตัวลดลงอย่างมากของตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่กดดันความมั่งคั่ง (wealth effects) และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจดจำนอง (mortgage rates) ที่กดดันกิจกรรมภาคอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงอยู่ แต่ความรุนแรงอาจจะน้อยกว่าที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอยู่ในภาวะถดถอยทางเทคนิค (technical recession) จาก GDP (QoQ Saar) ไตรมาสที่ 1 และ 2 ในปี 2022 ที่ติดลบสองไตรมาสติดต่อกัน รวมถึงสัญญาณจากส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) สหรัฐฯ อายุ 10 ปี และ 2 ปี ที่ยังอยู่ในภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามีความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในระยะข้างหน้า แต่ตลาดแรงงานสหรัฐฯยังแข็งแกร่งและงบดุลของภาคครัวเรือนที่สะท้อนความสามารถในการชำระหนี้ยังอยู่ในระดับที่ดี ภาคธุรกิจไม่ได้มีการก่อหนี้มากนัก และยังมีสภาพคล่องที่สูง SCB CIO ประเมินว่าโอกาสที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแบบรุนแรงยังมีไม่สูงมากนัก
นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ของสหรัฐฯในไตรมาส 2 สะท้อนความสามารถในการจัดการต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นได้ โดยผลประกอบการของบจ.ในหุ้น S&P500 โดยเฉลี่ยออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ทั้งรายได้ อัตราการทำกำไร และกำไรสุทธิ ขณะที่เราคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งหลังของปียังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มูลค่า (Valuation ) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลมากขึ้น และถือว่าเหมาะสมสำหรับการทยอยสะสมลงทุน โดย Forward P/E ของ S&P500 ปรับลดลงมาค่อนข้างมากจากช่วงต้นปี โดยขนาดการลดลงของ P/E ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยการลดลงของ P/E ในช่วงที่เกิดเศรษฐกิจถดถอยในอดีต ดังนั้น ความเสี่ยงขาลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯจึงมีค่อนข้างจำกัด และ Valuation มีโอกาสที่จะทยอยฟื้นตัวขึ้นต่อ ตาม bond yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่มีแนวโน้มพักฐานและทยอยลดลง หลังเฟด มีแนวโน้มทยอยปรับลดท่าทีในการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดลง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนSCB CIO มีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯและแนะนำทยอยลงทุน โดยมีเหตุผลประกอบดังนี้