SUPER เข้าร่วมงาน"Thailand Focus 2022 ระหว่าง 24-26 สิงหาคมนี้ โชว์ศักยภาพการเติบโต และแผนการดำเนินงานธุรกิจให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ฟากซีอีโอ "จอมทรัพย์ โลจายะ" ระบุการเข้าร่วมงานในครั้งนี้สนับสนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ หวังเพิ่มสัดส่วนการลงทุน เดินหน้าเตรียมความพร้อมเข้าประมูลโครงการทั้งในประเทศและประเทศเวียดนาม ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือแตะ 2,500 เมกะวัตต์ ภายในปี2566 ขึ้นแท่นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนแถบภูมิภาคอาเซียน
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เข้าร่วมในการนำเสนอข้อมูลในงาน "Thailand Focus 2022 ระหว่าง 24-26 สิงหาคม 2565 โดยจะมีผู้เข้าร่วมรับฟังข้อมูลเป็นกลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทฯจะนำข้อมูลในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
" การนำเสนอข้อมูลครั้งนี้เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันในและต่างประเทศ รวมทั้งสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯจะนำข้อมูลการดำเนินธุรกิจ แผนงานและโครงการในอนาคต ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ SUPER และมีศักยภาพที่จะผลักดันการเติบโตตามแผนงานได้อย่างเป็นอย่างดี " นายจอมทรัพย์ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 1,586.32 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว แบ่งเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มฯ - วินด์ฟาร์ม ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 886.72 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือ 699.60 เมกะวัตต์ เป็นโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานขยะในประเทศไทย
บริษัทฯมีความพร้อมที่จะเดินหน้ารุกขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถCOD ภายหลังจากที่หน่วยงานของเวียดนามประกาศนโยบายที่ชัดเจน รวมทั้งมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid อีก 16 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าขยะ จังหวัดหนองคาย 6 เมกะวัตต์ โดยจะทยอย COD ได้ในช่วงปลายนี้
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯมั่นใจว่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้เติบโตระดับ 30-35% จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นไปแตะ 1,900-2,000 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันได้ตั้งป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มเป็น 2,500 เมกะวัตต์ภายในปี 2566 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในแถบภูมิภาคอาเซียน