กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
“กระเบื้องหลังคาตราเพชร” ชูกลยุทธ์เอาใจลูกค้า นำเข้าโปรแกรม ‘Roof Magician’ จากประเทศออสเตรเลียเป็นแห่งแรกของไทย เผยให้บริการถอดแบบและประมาณการใช้สินค้า โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทั้งสะดวกและประหยัดเวลา ผู้บริหารยอมรับตลาดกระเบื้องหลังคาแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะการพัฒนา และการนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด ทั้งเน้นรูปแบบ และเฉดสี ให้มีความทันสมัย ตลอดจนการคิดค้นวัตกรรม ให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บมจ.กระเบื้องหลังคาตราเพชรหรือ “DRT” ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์หลังคารุ่นเจียระไน รุ่นอดามัส และ รุ่น CT เพชร ผลิตภัณฑ์ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์แผ่นบอร์ด รวมถึงอุปกรณ์ประกอบหลังคา และบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า “ตราเพชร” เปิดเผยว่า การแข่งขันในตลาดกระเบื้องหลังคา จะเป็นการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการในประเทศเป็นหลัก โดยมีการแข่งขันอย่างรุนแรงในเรื่องการพัฒนาและการนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด ซึ่งเน้นรูปแบบ และเฉดสี ให้มีความทันสมัย รวมทั้งประเภทของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและมุ่งเน้นความโดดเด่นเฉพาะตัวสินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม
“ล่าสุด บริษัทฯ นำโปรแกรม Roof Magician ซึ่งเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่เรานำเข้าเทคโนโลยีดังกล่าวจากประเทศออสเตรเลียเป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย โดยนำมาใช้ในบริการการถอดแบบและประมาณการใช้สินค้า นับเป็นนวัตกรรมใหม่ในแวดวงกระเบื้องหลังคา โดยที่โปรแกรมนี้ จะทำให้การคำนวณแม่นยำมากขึ้นและประหยัดเวลาในการถอดแบบ โดยใช้เวลาเพียง 3—4 ชั่วโมง เท่านั้น จากเดิมที่จะใช้เวลาหลายวัน ทำให้ในแต่ละวันสามารถทำได้หลายแบบ” นายสาธิต กล่าว
นอกจากนี้ โปรแกรม Roof Magician ยังสามารถประมวลผล โดยคำนวนผลออกมาเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.คำนวณเป็นจำนวนวัสดุในการใช้งาน เช่น กระเบื้อง 1,500 แผ่น, แป 120 เส้น และ 2.คำนวณเป็นหน่วยของมิติ เช่น หลังคามีพื้นที่ 100 ตร.ม., สันหลังคายาวรวม 25 ม. รวมถึงสามารถเพิ่มรายการที่โปรแกรมไม่มีได้ เช่น จำนวนตะปูเกลียว อุปกรณ์ประกอบ Dry Fix System (อุปกรณ์ครอบแห้ง) ขณะเดียวกันยังให้ผลการประมาณ การใช้กระเบื้อง ครอบ Accessories และค่าบริการติดตั้ง ที่แม่นยำมาก อีกด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันความต้องการกระเบื้องหลังคาจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกตลาดบ้านใหม่ และตลาดซ่อมแซม โดยขณะนี้มีความต้องการในตลาดอยู่ประมาณ 3-5% อยู่แล้ว เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูกาลก่อสร้าง ส่วนที่ 2 คือ ตลาดบ้านโครงการ ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในโครงการเมกะโปรเจคท์ โดยเฉพาะการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 9 เส้นทาง ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า จะเริ่มกลับมาลงทุนก่อสร้างทันที ส่งผลทำให้ในส่วนกระเบื้องคอนกรีตจะมีการขยายตัวมากขึ้น
รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวอีกว่า จากแนวโน้มการขยายตัวของกระเบื้องคอนกรีต นับเป็นจังหวะที่ดีที่ DRT จะเข้าไปทำตลาด เพราะบริษัทฯ ก็มีผลิตภัณฑ์รองรับตลาดนี้อยู่แล้ว และจะเสริมทีมการตลาด และทีมดีไซเนอร์ เพื่อขายผลิตภัณฑ์ให้กับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยตรงอีกด้วย
“ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายตลาดโครงการเพิ่มขึ้นกว่า 50% ซึ่งคิดเป็น 8% ต่อสัดส่วนรายได้เป้าหมายในปี 2551 ขณะเดียวกันบริษัทฯ ใช้กลยุทธ์เพิ่มการบริการติดตั้ง ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่เตรียมไว้ให้กับลูกค้า เนื่องจากกระเบื้องหลังคารุ่นใหม่จำเป็นต้องการอาศัยเทคนิคในการติดตั้งมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องสร้างทีมช่างที่มีความชำนาญ เพื่อช่วยผลักดันสินค้าเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น” รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าว
สำหรับตลาดส่งออกของ DRT ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ประเทศพม่า กัมพูชา ลาว โดยสินค้าที่ส่งออกจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคาเป็นหลัก ส่วนสินค้าในกลุ่มผนัง จะส่งไปยังตลาดในประเทศไต้หวันและจีน ซึ่งการส่งสินค้าไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศนั้นต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัดเรื่องระยะทาง ต้นทุนค่าขนส่ง ที่ต้องเป็นไปตามกลไกการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก
รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง เช่น ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates : UAE) โดยเฉพาะเมืองดูไบนั้น ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจเพราะมีกำลังซื้อสูง แต่ก็ต้องยอมรับว่าความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศ ทำให้ความต้องการใช้กระเบื้องหลังคามีความแตกต่างกัน เนื่องจากคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้จะต้องมีความสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ รวมถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น ตลอดจนการดำเนินชีวิตประจำวันด้วย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถเข้าสู่ตลาดในกลุ่มประเทศทางตะวันออกกลางได้จะต้องมีเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ สินค้าและบริการของ DRT แบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ประกอบด้วย กระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fiber Cement Tile), กระเบื้องคอนกรีต (Concrete Tile), ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์ (Siding Board), อุปกรณ์ประกอบหลังคา (Accessories), และบริการหลังการขาย (Technical Service)
ปัจจุบันบริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่เกือบ 100% ของทุกสายการผลิต โดยได้ดำเนินการผลิตกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ 3 แสนตันต่อปี กระเบื้องคอนกรีต 2 แสนตันต่อปี และล่าสุดการลงทุนเพิ่มสายการผลิตที่ 9 เพื่อผลิตไม้ฝาโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่ปราศจากใยหิน ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 6 หมื่นตันต่อปี ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ ของ DRT นั้น รายได้หลักยังคงเป็นกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 65 % กระเบื้องคอนกรีต 10 % ไม้ฝา 15 % ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเจียระไน 5% และอุปกรณ์ประกอบหลังคา 5%
บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ: คุณวารุณี คำไชย (แนน)
โทร: 0-2643-1191 ต่อ 23 หรือ 08-1496-6762
e-mail : c_mastermind@hotmail.com,sun_manee@yahoo.com