“จเร ฟาร์ม” ผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์คุณภาพ ปลอดสารพิษ เปี่ยมคุณประโยชน์ รายแรกของไทยและรายแรกของโลก

ข่าวทั่วไป Thursday March 27, 2008 15:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--สวทช.
การเกษตรแบบอินทรีย์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่เกษตรกร เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ หรือสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อมและผลผลิต ปัจจุบันผู้บริโภคได้ตระหนักถึงสุขภาพมากขึ้น มุ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่บริโภค ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับการเลี้ยงผึ้งเพื่อผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ปลอดจากสารเคมีและสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีคุณประโยชน์สูง ดั่งเช่นที่ “จเร ฟาร์ม” ผลิตได้
นายจเรศักดิ์ ศรีวงศ์ เจ้าของ จเร ฟาร์ม เปิดเผยว่า ตนได้คลุกคลีเกี่ยวกับการเลี้ยงผึ้งมาตั้งแต่สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัย กระทั่งเข้าทำงานที่ฝ่ายวิชาการ สำนักงานเกษตร จากนั้นได้ร่วมกับเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงผึ้งจังหวัดอุตรดิตถ์ขึ้น โดยมีสมาชิกแรกเริ่ม 153 ราย ตนรับตำแหน่งเป็นวิทยากรอบรมส่งเสริม และเลี้ยงผึ้งควบคู่ไปด้วย โดยใช้ชื่อว่า “จเร ฟาร์ม” ซึ่งเลี้ยงผึ้งพันธุ์เป็นรายแรกของ ตำบลนา
นกกก อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ต่อมาได้ร่วมจัดตั้งสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งภาคเหนือแห่งประเทศไทยครอบคลุมพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือและจังหวัดใกล้เคียง แต่ต้องประสบปัญหาเนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ผลิตน้ำผึ้งแบบอุตสาหกรรม ไม่ค่อยมีคุณภาพ ต่างคนต่างขาย จำหน่ายได้ในราคาไม่ดี จนทำให้น้ำผึ้งเหลือเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องเร่งหาแนวทางช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เจ้าของ จเร ฟาร์ม เล่าต่อว่า ในส่วนของจเร ฟาร์มนั้นได้ร่วมกับกลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งกลุ่มย่อยในกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง จำนวน 10 ราย ผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์นำร่อง ซึ่งทางจเร ฟาร์ม เป็นผู้ออกทุนดำเนินการทั้งหมด โดยได้ประสานกับหน่วยงานวิจัยผึ้งผลิตภัณฑ์ผึ้ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหัวหน้าโครงการเกษตรอินทรีย์และคณะ ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
“จากสมาชิกทั้งหมดมีเพียง 2 รายเท่านั้นที่ผ่านการประเมิน ซึ่ง จเร ฟาร์ม เป็นฟาร์มแรกที่ผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์จากดอกสาบเสือ ดอกไม้ป่า เป็นรายแรกของประเทศไทยและรายแรกของโลก ดังนั้นจึงได้เข้าร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่การแข่งขันในระดับสากล โครงการ OTOP ของจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยได้ส่งน้ำผึ้งอินทรีย์จากดอกสาบเสือเข้าคัดสรร เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป โดยใช้ชื่อว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำผึ้งคุณภาพ (น้ำผึ้งอินทรีย์)”
ในปี 2550 ได้ผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์จากดอกสาบเสือ และลิ้นจี่ป่า โดยได้รับการรับรองเป็นปีที่ 2 และร่วมในการจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งอินทรีย์ไทย ซึ่งในการที่จะผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ให้มีคุณภาพสูง ปลอดจากสารเคมีและสิ่งปนเปื้อนต่างๆ นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ในกระบวนการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ทุกขั้นตอนการผลิตต้องถูกต้องตามหลักการมาตรฐานการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ของโลก ซึ่งจะต้องมีกระบวนการตรวจสอบทุกขั้นตอนว่าถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่
ดังนั้น จเร ฟาร์ม จึงได้ขอเข้ารับการสนับสนุนจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ด้วยโจทย์ปัญหาในเรื่องของ “โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์” โดยทำการวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในทุกขั้นตอนกระบวนการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ ตั้งแต่การคัดสายพันธุ์ผึ้งที่เหมาะสม การเลี้ยงผึ้ง สถานที่ตั้งรังผึ้ง การเก็บเกี่ยวผลผลิต ตลอดจนถึงขั้นตอนในการบรรจุจะต้องดำเนินการไปตามมาตรฐานในการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ที่มีคุณภาพเป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
ซึ่งผลจากการดำเนินโครงการร่วมกันครั้งนี้ส่งผลให้ จเร ฟาร์ม ได้เทคนิคการคัดสายพันธุ์และเลี้ยงผึ้งเพื่อผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสากล อีกทั้งสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้จากเดิมถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงผึ้งจากการใช้สารเคมีและยาปฎิชีวนะในรังผึ้งเพื่อควบคุมตัวไรและโรคผึ้ง ทำให้สามารถเพิ่มรายได้ให้กับเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งอินทรีย์ของ จเร ฟาร์มอีกด้วย
ปัจจุบัน จเร ฟาร์ม เป็นผู้ผลิตน้ำผึ้งคุณภาพในฟาร์มระดับกลางขนาด 101-500 รัง โดยลงทะเบียนเสนอแผนการดำเนินงานและเลี้ยงผึ้งภายใต้การควบคุมดูแลของคณะกรรมการเกษตรอินทรีย์ ศูนย์ผึ้ง ปศุสัตว์ ประจำฟาร์มตามหลักการจัดการทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มผึ้ง หรือมาตรฐานฟาร์ม (GAP)
“ก่อนที่เราจะเก็บน้ำผึ้งได้นั้น ต้องออกสำรวจหาแหล่งดอกไม้หรือพืชสมุนไพรที่ไม่มีการใส่ปุ๋ย ยา หรือสารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น เช่น ดอกสาบเสือ เปล้า ลิ้นจี่ป่า ฯลฯ นอกจากนี้ที่ตั้งของผึ้งต้องอยู่ห่างจากชุมชน แหล่งปฏิกูล ที่ทิ้งขยะมูลฝอย โรงงานอุตสาหกรรม สารเคมี สารพิษ และห่างจากถนนที่มีการจราจรคับคั่ง หนาแน่น แออัด เพื่อหลีกเลี่ยงสารตะกั่วหรือโลหะหนักปนเปื้อน ฯลฯ ไม่น้อยกว่า 3 กม. ส่วนการจัดการรังผึ้งนั้นต้องแยกชั้นของน้ำผึ้งและตัวอ่อนของผึ้งไม่ให้ปะปนกัน โดยคัดเก็บเกี่ยวเฉพาะน้ำผึ้งที่มีคุณภาพ ตามมาตรฐานของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งการเก็บและสลัดน้ำผึ้งนั้นจะใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่สะอาด ปลอดภัยต่อผู้บริโภคเสมือนอยู่ในโรงงาน มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลทุกขั้นตอน มีการใช้มุ้งตาข่ายสนามเพื่อป้องกันการรบกวนจากผึ้งป่าหรือผึ้งใกล้เคียง ต้องไม่ใช้ไฟเผาหรือยาฆ่าแมลงฉีดพ่นเพื่อทำร้ายผึ้งเหมือนกับการตีผึ้งป่าทั่วไป ซึ่งคอนผึ้งที่สลัดเอาน้ำผึ้งออกแล้วสามารถนำกลับมาใช้เลี้ยงผึ้งใหม่ได้อีก”
ทั้งนี้ ทุกขั้นตอนของการเก็บตัวอย่างน้ำผึ้งจะมีเจ้าหน้าที่ดูแล แล้วนำเข้าตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อดูเปอร์เซ็นต์น้ำตาล คุณค่าอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นการช่วยป้องกันการปลอม ปนเปื้อนจากสารก่ออันตรายก่อนได้รับการรับรอง
การเลี้ยงผึ้งด้วยวิธีการนี้เป็นการช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ป่าคงอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลงภายในกำหนดระยะเวลาจากดอกไม้บานจนโรยเหี่ยวเฉาประมาณ 30-45 วัน จากนั้นจะทำการพักน้ำผึ้งบ่มไว้สักระยะ 10-15 วัน โดยไม่ต้องอบหรือไล่ความชื้น ด้วยความร้อนหรือวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้ฟองอากาศที่เกิดจากการเหวี่ยงสลัดออกจากน้ำผึ้งแล้วจึงกรอกบรรจุขวด เก็บตัวอย่าง ตรวจสอบตามกระบวนการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ก่อนนำออกจำหน่าย ภายใต้ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น นับได้ว่าเป็นสินค้าจากฟาร์มถึงผู้บริโภคโดยตรง
“น้ำผึ้งอินทรีย์จะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ สารอาหาร และวิตามินครบถ้วน 100% ไม่มีพิษต่อผู้บริโภค เป็นยาอายุวัฒนะ แม้แต่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานก็สามารถรับประทานแทนน้ำตาลได้ ภายใต้คำแนะนำดูแลจากแพทย์ น้ำผึ้งอินทรีย์สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 10 ปี แต่หากจะให้ได้คุณค่าและประโยชน์สูงสุดควรรับประทานภายใน ระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี โดยเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ ไม่ต้องแช่เย็น และไม่ควรถูกแสงแดดหรือความร้อนสูง”
นายจเรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงยอดขายที่ผ่านมาว่า จเร ฟาร์ม มียอดขายประมาณเกือบหนึ่งล้านบาทต่อปี ซึ่งตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนโครงการในอนาคตนั้นจะได้ดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องของการคัดสายพันธุ์ผึ้งเพื่อเพาะขยายพันธุ์ โดยจะคัดเลือกพันธุ์แม่ผึ้งที่เก็บน้ำผึ้งดี ไม่หนีรัง เพื่อให้ได้น้ำผึ้งที่มีคุณภาพสูงรองรับตลาดได้อย่างพอเพียง เนื่องจากในช่วงนี้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น และน้ำผึ้งอินทรีย์ก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่มีผู้ให้ความสนใจและรู้จักมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายดีขึ้นเป็นลำดับด้วย ปัจจุบันสามารถหาซื้อน้ำผึ้งอินทรีย์จาก จเร ฟาร์ม ได้ที่ร้านเอเดน ร้านดอยคำ ร้านสหกรณ์เทเวศร์ ร้าน OTOP อุตรดิตถ์ ม่อนลับแล จิรภาเทียนเสวย ราคาตั้งแต่ 30-300 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดบรรจุ
น้ำผึ้งอินทรีย์จาก จเร ฟาร์ม ได้รับการรับรองเพื่อยืนยันถึงคุณภาพมากมาย อาทิ OTOP จากจังหวัดอุตรดิตถ์ , มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 3 ปีซ้อนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม , สำนักงานพัฒนาชุมชน (มผช.) ,กรมปศุสัตว์ ,กรมส่งเสริมการเกษตร (ศูนย์ฯผึ้ง) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ