ก.พลังงาน ระดมสมอง บรรเทาวิกฤตราคาน้ำมันแพง รุก มาตรการประหยัดพลังงานภาคประชาชนรอบด้าน ก่อนเข้าสู่ช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้า

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 27, 2008 16:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--ก.พลังงาน
ก.พลังงาน ระดมสมอง บรรเทาวิกฤตราคาน้ำมันแพง รุก มาตรการประหยัดพลังงานภาคประชาชนรอบด้าน ก่อนเข้าสู่ช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะมีสถิติสูงสุด (Peak) ของปี 51 พร้อมเตรียมมาตรการระยะยาว ผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน มั่นใจเพิ่มเป้าหมายการประหยัดพลังงานในภาพรวม อย่างน้อย 20% ในอีก 4 ปี
พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ (26 มี.ค.51) กระทรวงพลังงานได้เรียกทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมสมองหารือถึงมาตรการประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนเร่งมาตรการประหยัดพลังงานอย่างจริงจังและรวดเร็ว รวมทั้งให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้า ที่กำลังเข้าสู่ช่วงที่จะมีสถิติการใช้สูงสุด (Peak) โดยในปีนี้ พบว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ระดับ 22,112.1 เมกะวัตต์ (เมื่อวันที่ 19 มี.ค.51 ที่ผ่านมา) ซึ่งใกล้เคียงกับ Peak สูงสุดเมื่อปี 2550 ที่ระดับ 22,586.1 เมกะวัตต์ โดยจากการพยากรณ์ Peak ของปี 2551 จะอยู่ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. ถึง ต้นเดือน พ.ค.
ทั้งนี้ จากการหารือในที่ประชุมฯ กระทรวงพลังงานสามารถสรุปมาตรการประหยัดพลังงาน ได้แก่ มาตรการระยะสั้น หรือมาตรการเฉพาะหน้าที่เริ่มได้ทันที และเห็นผลเป็นรูปธรรม ได้แก่การสนับสนุนให้ภาคประชาชน/ชุมชน ช่วยกันใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง จะเน้นแคมเปญรณรงค์ให้ประชาชนใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 และใช้เครื่องปรับอากาศอย่างถูกวิธี มีการล้างเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ ส่วนหากเป็นหลอดไฟฟ้าอยากให้เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟฟ้าเบอร์ 5 ทั้งที่เป็นหลอดตะเกียบ และหลอดผอมมาก (T5) นอกจากนี้ ในช่วงสงกรานต์ที่ใกล้เข้ามานี้ ประชาชนที่จะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวในช่วงปิดเทอม กระทรวงพลังงานจะรณรงค์และเชิญชวนให้มีการวางแผนการเดินทาง และตรวจสอบสภาพรถยนต์ เพื่อใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
มาตรการระยะกลางที่เริ่มได้ทันทีเช่นกัน ได้แก่ มาตรการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน โดยผ่านกลไกกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจะเข้ามาช่วยสนับสนุนทางการเงิน โดยอาจมีรูปแบบคล้ายกับการสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม อาทิ โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โครงการสิทธิประโยชน์ทางภาษี Tax-incentive และ โครงการ DSM-Bidding โดยอาจนำข้อดีของทุกโครงการมาผสมผสานกัน แต่จะเน้นให้ภาคประชาชนรายย่อยได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งเรื่องดังกล่าวมอบให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) รับไปพิจารณาดำเนินการในรายละเอียดต่อไป ก่อนจะมานำเสนออีกครั้งในสัปดาห์หน้า
มาตรการระยะยาว มุ่งเน้นผลักดันกฎกระทรวงเกี่ยวกับการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน หรือ Energy Building Code และการบังคับใช้การติดสลากแสดงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (สลากเบอร์ 5) ซึ่งปัจจุบันยังไม่บังคับติด (มีเฉพาะไทยและมาเลเซียเท่านั้นที่มีสลากแสดงประสิทธิภาพแต่ไม่บังคับติด) โดยกระทรวงพลังงานจะร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค คาดว่าจะออกระเบียบบังคับใช้ภายในเดือน เม.ย. หรือ พ.ค.นี้
“การที่เรียกทุกหน่วยงานเข้ามาระดมสมองในเรื่องมาตรการประหยัดพลังงานในวันนี้ เพื่อต้องการเร่งด้านการประหยัดพลังงาน ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยกระทรวงพลังงานได้มีเป้าหมายประหยัดพลังงานในภาพรวม ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 20 ภายใน 4 ปีข้างหน้า แทนที่ร้อยละ 11 ในเป้าหมายเดิม ซึ่งคาดว่าจะประหยัดเงินตราต่างประเทศได้ปีละ 160,000 ล้านบาท” พลโทหญิง พูนภิรมย์กล่าว
พลโทหญิง พูนภิรมย์ กล่าวเพิ่มว่า ได้กำชับให้ทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เร่งรัดนำก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอาทิตย์ ให้เข้าระบบโดยเร็ว เพื่อให้มีเชื้อเพลิงต้นทุนต่ำ ในการผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน รวมทั้งกำชับให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดูแลการบริหารต้นทุนการผลิตไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนสถานการณ์ในเรื่องราคาน้ำมันนั้น ได้รับรายงานจาก สนพ. ว่าราคาน้ำมันดิบ ดูไบ และราคาน้ำมันสำเร็จรูป ที่สิงคโปร์ได้อ่อนตัวลง โดยจะขอดูแนวโน้มตลาดอีกสักระยะหนึ่ง และเชื่อว่าทางปตท. จะสามารถปรับลดราคาน้ำมันลดได้ โดยเฉพาะในส่วนของน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์

แท็ก สมอง   ก.พ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ