บอร์ด บมจ. พริมา มารีน อนุมัติแผนการลงทุนครั้งใหญ่ ขยายพอร์ตกองเรือรวม 3 ลำ ครอบคลุมทั้ง กลุ่มเรือขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมลอยน้ำ (FSU) เรือขนส่งปิโตรเลียมภายในประเทศและเรือขนส่งปิโตรเคมี รวมวงเงินลงทุนประมาณ 1,896 ล้านบาท เสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ เตรียมทยอยให้บริการตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตก้าวกระโดด
นายพร้อมพงษ์ ชัยศรีสวัสดิ์สุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ("PRM")
ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 1 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติแผนลงทุนครั้งใหม่เพื่อขยายพอร์ตกองเรือจำนวน 3 ลำ ภายใต้กรอบงบลงทุน 1,896 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งและขยายขีดความสามารถการให้บริการ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบด้วย เรือขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมลอยน้ำ (FSU) จำนวน 1 ลำ มูลค่าลงทุน 1,413 ล้านบาท เรือขนส่งปิโตรเคมี จำนวน 1 ลำ ขนาด 5,000 DWT มูลค่าการลงทุน 282 ล้านบาท และเรือขนส่งปิโตรเลียมภายในประเทศ จำนวน 1 ลำ ขนาด 5,000 DWT มูลค่าการลงทุน 201 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ PRM ในการขับเคลื่อนการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยจะลงทุนซื้อเรือทั้ง 3 ลำภายในไตรมาส 4/2565 และคาดว่าเรือขนส่งปิโตรเคมีและเรือขนส่งปิโตรเลียมภายในประเทศจะเริ่มให้บริการกับลูกค้าได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ และเรือ FSU คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในไตรมาส 1/2566
การขยายพอร์ตกองเรือครั้งนี้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านสถานะการเงินและความพร้อมลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากเรือใหม่จำนวน 3 ลำนั้น มีลูกค้าพร้อมใช้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของผลการดำเนินงาน PRM ได้ทันทีตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมให้บริการเรือขนส่งขนาดใหญ่ (เรือ VLCC) ลำที่ 3 ให้แก่กลุ่มลูกค้าไทยออยล์ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ภายใต้สัญญา Time Charter เป็นระยะเวลา 10 ปี ที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ และผลักดันการเติบโตของ PRM ให้มั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
"การลงทุนขยายพอร์ตกองเรือครั้งใหม่ของ PRM นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างการเติบโตที่ดี และตอกย้ำการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เชี่ยวชาญในการบริหารพอร์ตกองเรือ สอดรับกับความต้องการของตลาดได้ทันต่อสถานการณ์และสร้างการเติบโตได้ในทุกสภาวะของตลาด" นายพร้อมพงษ์ กล่าว