"ลุมพินี วิสดอม" ระบุ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว เลือกใช้วัสดุที่น้ำซึมผ่านได้ง่าย และการวางระบบโครงสร้างภายในโครงการ เป็น 3 แนวทางในการบริหารจัดการน้ำท่วมขังในโครงการ
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทด้านวิจัยและพัฒนาในเครือบริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN)
"ลุมพินี วิสดอม" ระบุว่า เนื่องจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลาง ทำให้เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนและมีมรสุมเข้า ทำให้ต้องประสบกับภาวะน้ำท่วมขัง รอระบาย กลายเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อฝนตกก็จะมาพร้อมกับปัญหารถติด ยิ่งพื้นที่ไหนเกิดน้ำท่วมขังเพราะปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามีมากจนไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ก็ยิ่งสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตให้กับคนกรุงเทพฯ
"สาเหตุหนึ่งของการที่ฝนตกหนัก จนทำให้เกิดน้ำท่วมขัง รอระบาย มาจากระบบระบายน้ำอย่างท่อระบายน้ำสาธารณะไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ทำให้มีปริมาณน้ำฝนที่รอระบายจำนวนมากจนเป็นเหตุให้เกิดการท่วมขังบางพื้นที่ แน่นอนว่าการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่สาธารณะ จำเป็นต้องแก้ไขที่ระบบระบายน้ำของกรุงเทพฯ ให้สามารถทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ของกรุงเทพฯ ได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยการวางระบบท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ การสร้างอุโมงค์เพื่อระบายน้ำเป็นต้น อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง และรอระบาย ขณะที่เกิดมรสุม และฝนตก จำนวนมาก โดยเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบในการพัฒนาโครงการทั้งอาคารชุดและบ้านพักอาศัย" นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย ทั้งอาคารชุด และบ้านพักอาศัย โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่ในเขตเมือง เรื่องการบริหารจัดการน้ำในโครงการ เป็นหัวข้อที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการการออกแบบ โดยคำนึงถึง การบริหารการใช้น้ำที่ใช้ประโยชน์ในโครงการ รวมไปถึงการจัดการน้ำเสียและน้ำฝนก่อนที่จะระบายไปสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ ซึ่งการออกแบบหรือวางแผนการจัดการน้ำ มีทั้งที่ถูกกำหนดด้วยกฎหมายและออกแบบเพื่อการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภายในโครงการเอง
ในทางกฎหมาย มีข้อกำหนดที่ว่าด้วยเรื่องการออกแบบการบริหารจัดการเกี่ยวกับการระบายน้ำฝนโดยเฉพาะ เพื่อให้ปริมาณน้ำฝนที่ออกจากโครงการมีปริมาณที่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ข้างเคียงหรือระบบระบายน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติขั้นพื้นฐานในการออกแบบและบริหารจัดการน้ำภายในโครงการทั้งน้ำที่ใช้ประโยชน์และระบบระบายน้ำภายในโครงการ แต่หากต้องการให้โครงการมีการบริหารจัดการน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพขั้นสูงสุดผู้ประกอบการอสังหาฯ จำเป็นต้องให้ความสำคัญในการออกแบบและวางระบบบริหารจัดการน้ำภายในโครงการ โดยเฉพาะระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพนอกเหนือจากข้อปฏิบัติขั้นพื้นฐานตามที่กฏหมายกำหนด
จากการศึกษาของทีมวิจัยของ "ลุมพินี วิสดอม" พบว่า น้ำฝนที่ตกลงมาภายในโครงการมีเส้นทางการไหลหลักๆอยู่ 2 เส้นทาง คือ น้ำฝนที่ตกลงบนพื้นที่ที่เป็นดิน หรือพื้นที่สีเขียว น้ำฝนจะสามารถไหลซึมลงไปสู่ชั้นดินได้ แต่น้ำฝนที่ตกลงบนพื้นที่ดาดแข็งหรือพื้นที่ที่น้ำฝนไม่สามารถไหลซึมผ่านสู่ชั้นดินได้ เช่น พื้นถนน พื้นที่ดาดฟ้า พื้นคอนกรีต น้ำฝนจะไหลลงสู่ระบบระบายน้ำภายในโครงการก่อนถูกส่งออกไปท่อระบายน้ำสาธารณะ จะเห็นได้ว่า เมื่อภายในโครงการมีพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ที่น้ำฝนสามารถไหลซึมผ่านได้ จะช่วยให้น้ำฝนซึมผ่านสู่ชั้นดินได้เลย เป็นการลดปริมาณน้ำฝนที่จะไหลเข้าสู่ระบบระบายน้ำ และลดปัญหาการเกิดน้ำท่วมเฉียบพลันในพื้นที่เมือง
จากผลการศึกษาดังกล่าว จึงสามารถกำหนดแนวทางในการการออกแบบและวางแผนพัฒนาโครงการที่พักอาศัย เพื่อให้มีการบริหารจัดการน้ำฝนให้มีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืนสามารถดำเนินการใน 3 ประการ เพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วมขังและรอการระบาย และเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบ ดังต่อไปนี้
"จากเทคโนโลยีในการออกแบบ และนวัตกรรมใหม่ๆ ของวัสดุก่อสร้างที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ สามารถที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ลดปริมาณน้ำท่วมขังและรอระบายทั้งในโครงการและในพื้นที่สาธารณโดยรอบโครงการ เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง และรอระบายในช่วงฤดูฝน และในขณะเดียวกันยังเป็นการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน" นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว