กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--เจ ดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
เสริมทัพธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอที ประเดิมต้นปี ส่งเครื่องครัวแบบบิวท์-อิน และเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร
ชูความเป็นผู้นำด้านบริการครบวงจรทั้งแบบ วัน สต็อป ช็อปปิ้ง และ วัน สต็อป เซอร์วิส ผ่าน Samsung SWAT หน่วยปฏิบัติการดูแลก่อนและหลังการขาย
ซัมซุงต่อยอดความสำเร็จธุรกิจ B2B (Business-to-Business) รุกหนักกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีภายใต้ผู้นำแนวคิด “โททอล โซลูชั่น โพรไวเดอร์ (Total Solution Provider)” การเป็นผู้นำเสนอสินค้าและบริการแบบโซลูชั่นครบวงจรในกลุ่ม B2B กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ครบไลน์ ล่าสุดปีนี้ชูเครื่องครัวแบบบิวท์-อิน (Built-in Kitchen Appliance) และเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร (System Air Conditioner) เป็นตัวหลักในการรุกตลาด พร้อมบุกตลาดแยกตามกลุ่มสนองความต้องการลูกค้า เตรียมทำตลาดโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะโรงแรมเครือต่างชาติ ส่วนการทำตลาด B2B ในกลุ่มไอทีปีนี้จะเน้นขยายตลาดธุรกิจเอกชนเพิ่ม คาดว่าจะมีลูกค้า เพิ่มเป็น 40 ราย จากเดิม 30 ราย เผยจุดเด่นเหนือคู่แข่ง คือ การมีสินค้าและบริการที่ครบ และเน้นการบริการก่อนและหลังการขาย คาดสิ้นปียอดขายปิดที่กว่า 1,800 ล้านบาท
นายอาณัติ จ่างตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ซัมซุงมีแนวการทำตลาดเชิงรุกในช่องทาง B2B ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงทั้งหมดภายใต้แนวคิด “โททอล โซลูชั่น โพรไวเดอร์” โดยมีจุดเด่นในการนำเสนอสินค้าที่ครบไลน์มากขึ้น อาทิ เครื่องครัวแบบบิวท์-อิน และเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร ซึ่งในตลาดทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้ถือว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงมาก เพราะเป็น ที่ต้องการของตลาด ขณะที่ผลิตภัณฑ์หลักตัวอื่นอย่างเช่นแอลซีดีทีวีปีนี้จะมีเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มหลากหลายมากขึ้น รวมถึงปีนี้ซัมซุงพยายามทำตลาดด้วยการแบ่งเซ็กเมนต์ในการเจาะตลาด เช่น กลุ่มพรีเมี่ยม จะมีผลิตภัณฑ์ตู้เย็นไซด์บายไซด์ (Side-by-Side Refrigerator) และแอลซีดีทีวี ส่วนกลุ่มระดับกลางลงมาจะนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มตู้เย็น 2 ประตู และสลิมฟิต (Slim Fit TV) เป็นต้น
“ความแตกต่างของซัมซุงกับผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดอยู่ที่ซัมซุงไม่เน้นขายผลิตภัณฑ์แบบแยกชิ้น และขายผลิตภัณฑ์ในราคาถูก แต่จะเน้นไปที่การขายแบบ ‘โททอล โซลูชั่น โพรไวเดอร์’ หรือการเป็นผู้นำเสนอสินค้าและให้บริการโซลูชั่นครบวงจร โดยอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งตรงนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า เพราะติดต่อซัมซุงเพียงที่เดียวก็สามารถมีสินค้าบริการได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อที่ลูกค้าจะได้รับ การบริการแบบ วัน สต็อป ช็อปปิ้ง และ วัน สต็อป เซอร์วิส ผ่าน Samsung Worldwide Advance Technician (SWAT) หน่วยปฏิบัติการดูแลก่อนและหลังการขาย นอกจากนี้ซัมซุงยังให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายอย่างเต็มที่โดยมีทั้งบริการผ่านลูกค้าสัมพันธ์ที่แยกเฉพาะสำหรับดูแลลูกค้ากลุ่ม B2B นี้อย่างใกล้ชิด” นายอาณัติกล่าว
ในส่วนของการทำตลาด B2B ในกลุ่มไอทีปีนี้จะเน้นขยายตลาดไปที่กลุ่มธุรกิจเอกชน อาทิ บริษัทประกันภัย สถาบันการเงิน โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษา เนื่องจากที่ผ่านมาซัมซุงยังไม่ได้เข้าไปในตลาดกลุ่มนี้มาก ดังนั้น ปีนี้เตรียมที่จะเดินหน้ารุกตลาดมากขึ้น โดยอาศัยกลยุทธ์การเพิ่มกำลังคนในทีมงานเพื่อเข้าถึงและเจาะตลาดเฉพาะ
ปัจจุบันซัมซุงมีพันธมิตรธุรกิจในกลุ่มนี้ไม่น้อยกว่า 30 ราย เช่น กลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ธุรกิจเอกชน และร้านสะดวกซื้อ ปีนี้หลังจากการรุกตลาดมากขึ้นคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มเป็น 40 ราย ซึ่งสินค้าที่ซัมซุงใช้ในการทำตลาด B2B กลุ่มไอที ได้แก่ จอคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ และพรินเตอร์
“การทำตลาด B2B ในกลุ่มไอทีของซัมซุงจะอยู่ที่คุณภาพของสินค้า ซึ่งชื่อเสียงของแบรนด์ซัมซุงก็เป็น ที่ยอมรับในตลาดทั้งในด้านความโดดเด่นเรื่องดีไซน์ที่สวยงาม รวมถึงความคุ้มค่าในการใช้งานและมีฟังก์ชันเพิ่มขึ้น เช่น จอภาพสำหรับกราฟฟิคมืออาชีพ และพรินเตอร์ที่ช่วยประหยัดหมึกและลดปัญหาเรื่องกระดาษติด” นายอาณัติกล่าว
สำหรับแผนการตลาดปีนี้สำหรับกลุ่ม B2B ซัมซุงจะเน้นการทำตลาดทุกช่องทาง และการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดบูธในงานสัมมนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การสร้างการรับรู้แบรนด์ไปยังลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และการนำเสนอสินค้าให้ลูกค้าโดยตรง เป็นต้น
ในปีนี้ซัมซุงตั้งเป้ายอดขายของธุรกิจ B2B ไว้ที่กว่า 1,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าประมาณ 1,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 56% เทียบกับปีก่อนที่มียอดรายได้ 643 ล้านบาท ส่วนกลุ่มไอทีคาดว่า จะมียอดขายกว่า 833 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 41% เทียบกับปีก่อนที่มียอดรายได้ 592 ล้านบาท
เกี่ยวกับ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์
บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด คือ ผู้นำระดับโลกด้านเซมิคอนดักเตอร์ โทรคมนาคม สื่อดิจิตอล และ เทคโนโลยีการควบรวมดิจิตอล ในปี พ.ศ. 2550 บริษัทมียอดขาย 103.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีพนักงานประมาณ 150,000 คน ประจำอยู่ที่สำนักงานกว่า 134 แห่งใน 62 ประเทศ และประกอบด้วยหน่วยธุรกิจหลัก 5 หน่วย คือ ธุรกิจสื่อดิจิตอล ธุรกิจแอลซีดี ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคม และธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากจะได้รับการ ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับโลกที่เติบโตเร็วที่สุดแล้ว ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ยังเป็นผู้ผลิตโทรทัศน์ดิจิตอล หน่วยความจำ โทรศัพท์มือถือ และจอทีเอฟทีแอลซีดีชั้นนำอีกด้วย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ http://www.samsung.com
เกี่ยวกับ ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์
บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด คือ ผู้นำด้านกลุ่มอุปกรณ์ภาพและเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน อุปกรณ์ไอที โทรศัพท์มือถือ รวมถึงอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2550 บริษัทมียอดขายกว่า 55,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายสำหรับการส่งออก 33,000 ล้านบาท และยอดขายในประเทศ 22,600 ล้านบาท ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่งในผลิตภัณฑ์แอลซีดีทีวี ทีวีสีจอแบน ทีวีสีจอแก้ว ตู้เย็นทั้งแบบไซด์บายไซด์และ 2 ประตู และจอภาพคอมพิวเตอร์ บริษัทมีพนักงานประมาณ 2,400 คน ในส่วนการขายการตลาด และการผลิต สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ http://www.samsung.com/th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด
ปริญดา นิลทจันทร์
โทร 02-695-6169
อีเมล์ prinda.n@samsung.com
เจ ดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
พรชนันท์ มงคลกุล (กิฟท์) โทร. 081-755-1105, 02-204-8223
อีเมล์ pornchanan.mongkolkul@jwt.com
ศรุตยา มหากายี (โอ๋) โทร. 089-665-6819, 02-204-8224
อีเมล์ saruttaya.mahakayee@jwt.com