"บมจ.ซันเทคสตีลเวิคส์ หรือ SUNTEC" ดำเนินธุรกิจแปรรูป จำหน่าย ออกแบบผลิตภัณฑ์หลังคาและผนังเมทัลชีท ภายใต้แบรนด์ "SUNTECH" ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 170 ล้านหุ้น ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) โดยมี บล.เคจีไอ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายสิงหนาท บัตรสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันเทคสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SUNTEC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมดที่เสนอขายให้นักลงทุนครั้งนี้ จำนวน 170 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 29.82% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
การระดมทุนดังกล่าวจะนำไปใช้รองรับการเติบโตของ SUNTEC เพิ่มความน่าเชื่อถือ รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินเพื่อลงทุนในโครงการ EMPOWER และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของ SUNTEC และ EMPOWER
ทั้งนี้ SUNTEC เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) (PERM) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย SUNTEC ดำเนินธุรกิจแปรรูป จำหน่าย ออกแบบผลิตภัณฑ์หลังคาและผนังเมทัลชีท ภายใต้แบรนด์ "SUNTECH" รวมถึงการจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้างหลังคา ("ธุรกิจผลิตหลังคาเมทัลชีท") ธุรกิจจัดหาและจำหน่ายเหล็กม้วนอลูซิงค์ (Galvalume หรือ GL) และเหล็กม้วนเคลือบสี (Pre-painted Steel) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตหลังคาและผนังเมทัลชีท (ธุรกิจจัดหาและจำหน่ายเหล็กม้วน) นอกจากนี้ บริษัทยังขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจต้นน้ำ โดยลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กม้วนเคลือบสี ("ธุรกิจผลิตเหล็กม้วนเคลือบสี") ภายใต้บริษัท เอ็มพาวเวอร์สตีล จำกัด ("บริษัทย่อย" หรือ "EMPOWER") โดย SUNTEC ถือหุ้นร้อยละ 90.25
การประกอบธุรกิจของ SUNTEC สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ธุรกิจผลิตหลังคาเมทัลชีท การแปรรูปแผ่นเหล็กอลูซิงค์และแผ่นเหล็กเคลือบสี โดยการขึ้นรูปเป็นแผ่นหลังคาและผนังเมทัลชีท ตามแบบและความต้องการของลูกค้า รวมถึงการจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้างหลังคา เช่น เหล็กแปตัว C และเหล็กแปตัว Z แผ่นบานเกล็ด แผ่นปิดครอบมุม ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มตัวแทนจำหน่าย ที่ซื้อสินค้าของบริษัทไปเพื่อจำหน่าย รวมถึงกลุ่มผู้รับเหมางานก่อสร้างในโครงการต่างๆ มีกำลังการผลิตแผ่นหลังคาและผนังเมทัลชีท 3,600,000 ตารางเมตรต่อปี
SUNTEC มีเป้าหมายในการเป็นผู้นำในวงการแผ่นหลังคาและผนังเมทัลชีท ด้วยการมุ่งเน้นเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทุกกลุ่มลูกค้า โดยมีนโยบายในการพัฒนาองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นผู้ให้บริการที่มีสินค้าและบริการครบวงจรครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การจำหน่ายสินค้า รวมถึงการให้บริการรับจ้างผลิตสินค้าตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมทั้งเป็นผู้นำในการสรรหาเหล็กม้วนที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตหลังคาเหล็ก ด้วยการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายและพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดียิ่งขึ้น ในราคาที่เหมาะสม และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน รวมถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า (CRM) ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างให้สนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2564) กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายรวม 2,510.74 ล้านบาท 2,470.86 ล้านบาท และ 3,688.54 ล้านบาท ตามลำดับ และสำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2564 และปี 2565 เท่ากับ 1,796.14 ล้านบาท และ 1,851.45 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายเหล็กม้วน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 66.12 ล้านบาท 60.50 ล้านบาท 268.83 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 2.63 ร้อยละ 2.45 ร้อยละ 7.29 ตามลำดับ และงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 และปี 2565 มีกำไรสุทธิ 196.38 ล้านบาท และ 20.08 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 10.93 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ
โดยกำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทที่เติบโตขึ้นในปี 2564 สาเหตุมาจากราคาเหล็กโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม หรือไม่ผันแปรตามยอดขาย ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิลดลง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2564 เป็นผลมาจากต้นทุนในการนำเข้าสินค้าเหล็กจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นจากค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลงจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ทำให้กลุ่มบริษัทมีกำไรลดลง ประกอบกับ EMPOWER จะเปิดดำเนินการผลิตและจำหน่ายในช่วงปลายปี 2565 ทำให้มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้นจากการจ้างงานใหม่หลายอัตรา นอกจากนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรสุทธิลดลง
อย่างไรก็ดี การระดมทุนครั้งนี้ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย และวิสัยทัศน์ ก้าวสู่ผู้นำด้านเมทัลชีท (Metal Sheet) และเหล็กม้วนเคลือบสี ที่มีนวัตกรรมทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทยให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ