มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ 2 บริษัทชั้นนำด้านการจัดอีเว้นท์ ได้แก่ บริษัท โคโค มีเดีย โคเรีย จำกัด และบริษัท ไลฟ์โฟร์วีว่า จำกัด เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ทางวิชาชีพให้แก่นักศึกษาสาขาการผลิตและการจัดการอีเว้นท์ คณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ เพื่อการเรียนรู้ ฝึกทักษะ และประสบการณ์ตรงกับมืออาชีพ โดยร่วมกันออกแบบและพัฒนาหลักสูตร รวมถึงแนวทางการเรียนรู้และกิจกรรมแลกเปลี่ยนนักศึกษาเชิงปฏิบัติการที่ทันสมัย สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ปัจจุบัน อันเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
รองศาสตราจารย์ ดร. สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา รองอธิการบดีสายงานวิชาการและงานวิจัยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีพันธกิจหลัก คือ การเป็น Practice-University ที่ให้ความรู้และพัฒนาทักษะแก่นักศึกษาเชิงปฏิบัติการ โดยในปีการศึกษา 2565 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรให้ทันโลกธุรกิจยุคปัจจุบันและรองรับอนาคต เพื่อตอกย้ำการเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านธุรกิจ ที่นักศึกษาได้เรียนรู้ประสบการณ์จริงในโลกธุรกิจ รวมทั้งร่วมออกแบบและพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของการเรียนรู้และการสัมผัสประสบการณ์จริง
จากความร่วมมือกับ 2 บริษัทในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ทางวิชาชีพให้แก่นักศึกษาสาขาการผลิตและการจัดการอีเว้นท์ คณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ ในการเรียนรู้ ได้ฝึกทักษะจริงจากมืออาชีพ รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ให้แก่นักศึกษาได้รับการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ โดยที่โคโค มีเดีย โคเรีย เป็นบริษัทชั้นนำที่ให้บริการทางด้านการจัดอีเวนท์ในประเทศเกาหลีใต้ ที่เชี่ยวชาญทางด้านการจัดคอนเสิร์ตและแฟนมีทติ้งให้กับศิลปินเคป็อปที่มีชื่อเสียงมากมาย ส่วนไลฟ์โฟร์วีว่า เป็นบริษัทแถวหน้าของเมืองไทยที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ด้านระบบแสง เสียง และภาพในงานอีเว้นท์ เช่น งานประกวด Miss Universe Thailand 2022 งาน Versace Fall 2022 และงาน Clash De Cartier เป็นต้น จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการทำงานร่วมกันที่จะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ โดยมุ่งหวังให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีส่วนสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างความยั่งยืนให้กับภาคธุรกิจต่อไปในอนาคต
"สาระสำคัญในการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและบริษัทที่ลงนามทั้ง 2 บริษัทในวันนี้ จะได้ร่วมกันผลิตบุคลากรในอุตสาหกรรมอีเว้นท์ ผ่านการจัดงานและกิจกรรมต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญและมืออาชีพจากทั้ง 2 บริษัท ซึ่งก่อให้เกิดเงินหมุนเวียน การสร้างงาน และการกระจายรายได้ อันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ และการยกระดับอุตสาหกรรมการจัดอีเว้นท์ของไทยให้อยู่แถวหน้าระดับโลกต่อไป" รองศาสตราจารย์ ดร.สถาพร กล่าวทิ้งท้าย