รู้หรือไม่ ยาเหลือใช้ หรือยาหมดอายุตามบ้าน หากเราทิ้งไม่ถูกวิธี จะกลายเป็นสารเคมีปนเปื้อน ส่งผลต่อระบบนิเวศและสุขภาพในระยะยาว
จากการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐพบว่า ยาของประชาชนที่เป็นผู้ป่วย ที่ได้รับมาจากโรงพยาบาล แล้วกินยาไม่ครบตามแพทย์สั่ง รวมถึงยาที่ซื้อมาจากร้านขายยา หากไม่ได้ใช้ หรือหมดอายุแล้ว ประชาชนมักจะนำไปทิ้งลงถังขยะ ทิ้งลงแหล่งน้ำ หรือฝังลงดินซึ่งยาบางประเภทส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยส่วนใหญ่ยาจะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ยาทั่วไป ได้แก่ ยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด ยาลดไข้ เป็นต้น และยาที่มีฤทธิ์ตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อม เช่น ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคความดันโลหิต ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคซึมเศร้า และยาคุมกำเนิด ซึ่งยาประเภทนี้จะมีคุณสมบัติที่คงสภาพ ทนทาน โดยฤทธิ์ของยาจะไม่ถูกทำลายด้วยระบบกรองน้ำ ระบบผลิตน้ำประปา หรือระบบบำบัดน้ำเสีย
ดังนั้น ยาประเภทดังกล่าวจึงปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำแล้วมีโอกาสย้อนกลับเข้าสู่ระบบผลิตน้ำดื่ม และน้ำประปา สำหรับการอุปโภค บริโภคของเราในที่สุด
แนวทางการจัดการกับยาอย่างถูกวิธี หากยาหมดอายุ หรือเสื่อมสภาพแล้ว ให้นำยาใส่ภาชนะปิดมิดชิด เขียนกำกับว่า "ยาหมดอายุ" และนำไปทิ้งในถังขยะอันตราย ตามจุดต่างๆ
ส่วนยาเหลือใช้ ที่ยังไม่หมดอายุ สามารถนำมาบริจาคกับร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ในโครงการเภสัชอาสาเอ็กซ์ต้า ชวนแบ่งปันยาเหลือใช้ปี 5 ส่งให้โรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกล และเป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนเท่านั้น สำหรับโครงการรับบริจาคยาเหลือใช้ที่ยังไม่หมดอายุ เพื่อส่งต่อให้กับโรงพยาบาลอุ้มผาง ปี 5 โดย ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ในกลุ่มธุรกิจซีพี ออลล์ จนถึงวันนี้มีผู้บริจาคยาแล้วกว่า 250 ลัง ซึ่งจะหมดเขตรับบริจาคยาในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 นี้
ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ดำเนินโครงการ ประสบความสำเร็จเกินคาด มีประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการบริจาคยากว่า 450 ลัง รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถ ร่วมส่งต่อบริจาคยาเหลือใช้ แบ่งปันให้เพื่อนมนุษย์ร่วมกันได้ ผ่านช่องทางร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส กว่า 400 สาขาทั่วประเทศ สามารถตรวจสอบสาขาใกล้บ้านได้ที่ > https://bit.ly/36P23mH หรือ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ > https://bit.ly/3uTMrrE ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565