เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงปลายปี หลังสิ้นฤดูฝน ย่างเข้าหน้าหนาว สิ่งที่ตามมานั่นก็คือ ฝุ่นควันพิษ หรือ PM 2.5 นั่นเองค่ะ ซึ่งเราหลีกเลี่ยงได้ยาก ทำให้ร่างกายเรามีการได้รับสารพิษเข้าร่างกายไม่มากก็น้อยค่ะ ซึ่งในฝุ่นควันพิษ ก็จะมีโลหะหนักผสมอยู่ เช่น สารตะกั่ว ปรอท แคดเมียม สารหนู เป็นต้น
พญ.อนงนุช ชวลิตธำรง แพทย์ American Board of Anti-Aging Medicine จาก Addlife Anti-Aging Centerชั้น 2ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) จึงได้มาให้ข้อมูลเรื่องสารพิษเมื่อสะสมในร่างกายมากๆ เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดผลเสียตามมาดังนี้
- ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุจำเป็นลดลง เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี
- ระบบทางเดินหายใจติดขัด
- มีการผลิตสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น และยับยั้งการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ
- เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย
- เป็นพิษกับเซลล์โดยตรง เช่น ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแตกง่าย
- การทำงานของฮอร์โมนไม่สมบูรณ์
- อวัยวะต่างๆเสื่อมเร็ว เช่น ไตเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม ความจำถดถอย ภูมิต้านทานต่ำ
ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานๆ ก็อาจทำให้เป็นโรคร้ายแรงได้ค่ะ ดังนั้น การป้องกันก็คือ หลีกเลี่ยงมลภาวะที่เป็นพิษ ไม่รับประทานอาหารที่อาจมีการปนเปื้อน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจมีการปนเปื้อนได้ รวมถึงต้องมีการกำจัดสารพิษเหล่านี้ออกจากร่างกาย ซึ่งก็คือ การล้างสารพิษ หรือที่เรียกว่า คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) ค่ะ สามารถทำได้โดยการเติมสารที่มีคุณสมบัติพิเศษในการจับกับสารพิษโลหะหนัก ไม่ว่าจะเป็นปรอท ตะกั่ว นิกเกิล สารหนู แคดเมียม และสารพิษอื่นๆ แล้วช่วยให้ร่างกายเร่งการขับสารพิษเหล่านั้นออกจากร่างกาย มีหลายวิธีด้วยกัน เช่น
- การให้สารโปรตีนEDTA (Ethyline Diamine Tetra Acetic Acid) ทางเส้นเลือด
- การให้ในรูปแบบรับประทาน (DMSA)
- การให้ในรูปแบบยาเหน็บทวาร (Detoxamine)
โดยก่อนที่เราจะทำการล้างสารพิษ ก็ควรจะมีการตรวจวัดระดับสารพิษก่อนค่ะ ว่าเรามีระดับสารพิษตัวไหนที่สะสมในร่างกายบ้าง เป็นปริมาณเท่าไร เพื่อที่แพทย์จะวางแผนการรักษาล้างสารพิษ ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ