CPANEL เผยทิศทางไตรมาส 3 - 4 ปี 2565 โตต่อเนื่อง พัฒนาระบบเครื่องจักร กำลังการผลิตเพิ่ม 10% โครงการแนวราบ-แนวสูง จ่อออร์เดอร์เพียบ ตุน Backlog 1,105.87 ล้านบาท ภาพรวมอสังหาฯ แนวโน้มดี Long Term Visa หนุนต่างชาติลงทุน ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/65 ทำ All Time High รายได้ 104.27 ล้านบาท กำไรนิวไฮต่อเนื่องไตรมาสที่ 4 โต 142.09%
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4/2565 มีแนวโน้มเติบโตได้เป็นอย่างดี คาดว่าสามารถทำนิวไฮต่อเนื่อง จากการพัฒนาระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันบริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้นถึง 10% ส่งผลให้บริษัทสามารถผลิต Precast Concrete ได้เร็วและมีปริมาณที่มากขึ้น พร้อมลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต ส่งมอบงานได้รวดเร็วขึ้น ในขณะที่มีต้นทุนที่ต่ำลง
นอกจากนี้ บริษัทได้รับความสนใจจากลูกค้าหลากหลายประเภทมากขึ้น อาทิ โรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน ซึ่งถือเป็นโอกาสและแนวโน้มการรับงานในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่ประมาณ 1,105.87 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565-2566
"ภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยจำนวนบ้านจัดสรรก่อสร้างใหม่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลยังคงเติบโต อีกทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่กระจายการลงทุนโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน โครงการแนวสูงมีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาของชาวต่างชาติ อีกทั้ง นโยบายให้สิทธิพิเศษ Long Term Visa ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมและตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าดีขึ้น" นายชาคริต กล่าว
นายชาคริต กล่าวเสริมว่า จากภาพรวมสถานการณ์ต่างๆ ที่กระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ อาทิ การแพร่ระบาดของโควิด-19 สงครามรัฐเซีย-ยูเครน ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ทำให้หน่วยงานต่างๆ คาดการณ์ว่าประเทศไทยอาจมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ ซึ่งทางบริษัทมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบดังกล่าว เนื่องจาก Precast Concrete ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาทดแทนการก่อสร้างแบบเดิม (Replacement Product) สามารถตอบโจทย์การก่อสร้าง ทั้งความรวดเร็ว การขาดแคลนแรงงาน อีกทั้ง จากภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เชื่อว่าบริษัทจะสามารถรักษาการเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 104.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47.02% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และสามารถทำกำไรนิวไฮเป็นไตรมาสที่ 4 มีกำไรสุทธิ 13.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.09% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 บริษัทมีรายได้รวม 193.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.71% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 24.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.58% จากช่วงเดียวกันปีก่อน