คาร์แทรค ชี้องค์กรธุรกิจในไทยมุ่งสู่ดิจิทัล-อีวี ขยายตัว เป็นโอกาสโซลูชั่นจีพีเอส ติดตามระบบการขนส่งแบบครบวงจร พร้อมเจาะตลาดทุกขนาด
นายโรเจอริโอ คาลิสโต้ ผู้บริหารบริษัท คาร์แทรค เทคโนโลยี (ประเทศไทย)ผู้ให้บริการโซลูชั่นติดตามการขนส่งสินค้าภายใต้ชื่อ'คาร์แทรค' (CARTRACK) กล่าวถึงแนวทางการเข้ามาทำตลาดในไทย ด้วยมองเห็นการขยายตัวความต้องการด้านดิจิทัลโซลูชันในแต่ละอุตสาหกรรมธุรกิจ ที่เติบโตสูงขึ้นอย่างรวดแร็ว และเป็นโอกาสในธุรกิจบริการซอฟต์แวร์การขนส่งสินค้าในกลุ่มผู้ใช้รถรายใหญ่ ที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายกรมการขนส่งทางบก
ขณะที่ ธุรกิจในไทยมีการปรับตัวสู่องค์กรดิจิทัล จากการนำโซลูชั่นต่างๆเข้ามาใช้งาน มีการลดขั้นตอนการใช้เอกสารแบบกระดาษ มุ่งควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย ไปจนถึงการการนำรถไฟฟ้าเข้ามาใช้งานมากขึ้น ฯลฯ ซึ่งมองว่าเป็นช่วงขาขึ้นของประเทศไทยในการดำเนินการในด้านดังกล่าว ธุรกิจยกเครื่องตัวเองเพื่อนำสิ่งใหม่มาใช้สร้างประสิทธิภาพการทำงานและการเรียนรู้ธุรกิจ จากการควบคุมและจัดการข้อมูล (Data) การทำงานของตัวเอง
"เป็นโอกาสที่ดีมากๆในธุรกิจทุกขนาด ในการใช้ข้อมูลและซอฟต์แวร์เพื่อช่วยจัดการงานขนส่ง ทั้งในกลุ่มเจ้าของร้านที่มีรถส่งสินค้าแค่ 3 คันไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องการข้อมูลดูอายุการใช้งานของยานพาหนะแบบเชิงลึกเพื่อบริหารการใช้งานให้ดีขึ้น" นายโรเจอริโอ กล่าว
สำหรับจุดเด่นเทคโนโลยีของ Cartrack คือ อุปกรณ์ GPS มีการพัฒนาฟีเจอร์ที่รองรับความต้องการผู้ใช้งานได้มากกว่า เป็นการติดตั้งระบบจีพีเอสภายในหน่วยรถขนส่งสินค้า ที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของของกรมขนส่งฯ เท่านั้น แต่ยังพัฒนาต่อเนื่องไปสู่ระบบบริหารจัดการธุรกิจทั้งหมดขององค์กรได้ ในระยะต่อไป
นายโรเจอริโอ กล่าวว่าในฐานะที่บริษัทดำเนินธุรกิจให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) เป็นหลัก โดยแนวทางการทำตลาดในไทยจะมุ่งในรูปแบบการให้บริการด้านโซลูชัน CARTRACK เพื่อรองรับความต้องการในภาคองค์กรธุรกิจทุกขนาดที่มีพนักงานหรือทรัพย์สินในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่ง พร้อมวางกลยุทธ์ด้านราคาที่หลากหลายแต่มีคามเหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มธุรกิจที่ใช้งานเป็นหลัก
นอกจากนี้ CARTRACK ยังได้นำระบบ AI เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมเทเลเมตริกส์ ในไทย เพื่องรองรับแนวโน้มในอนาคตด้านการใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยของคนขับรถและผู้โดยสารมากขึ้น ด้วยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมองว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบการขนส่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเพิ่มมาตรการด้านพฤติกรรมการขับขี่เพื่อความปลอดภัยในท้องถนน ด้วยเช่นกัน
"เอไอ จะเข้ามาช่วยในการจับพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวทั้งภายในและภายนอกรถ พร้อมแจ้งเตือนคนขับรถถึงสัญญาณความเสี่ยงอันตรายต่างๆ ในการขับขี่ เช่น การหาว การใช้โทรศัพท์ เหม่อลอย เกือบเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น และความเสี่ยงอื่นๆ ซึ่งการแจ้งเตือนสัญญาณอันตรายเหล่านี้ช่วยให้ผู้ที่ดูแลการใช้ยานพาหนะสามารถสร้างแผนอบรมการขับขี่ให้คนขับใช้รถปลอดภัยมากขึ้นกระตุ้นให้มีสติในการขับขี่ตลอดเวลา" นายโรเจอริโอ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจ CARTRACK ในตลาดระบบติดตามรถ (GPS) ของไทยซึ่งจะขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมในตลาดรถพลังงานไฟฟ้า (EV car) ที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น เช่นกัน พร้อมดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นในไทย เพื่อพัฒนาโซลูชันด้านต่างๆ ให้สามารถแก้ไขปัญหาธุรกิจ ได้ตรงจุดมากขึ้น