พื้นฐานภาษาที่แข็งแกร่งถือเป็นรากฐานสำคัญที่สามารถนำไปต่อยอดได้ทั้งด้านการสื่อสารในชีวิตประจำวัน การศึกษา และการทำงาน การปลูกฝังความรู้ด้านภาษาต่างประเทศให้ลูกตั้งแต่เด็กจึงเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญ เพราะเด็กเป็นวัยแห่งการเรียนรู้และเป็นช่วงวัยที่สมองมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การจดจำและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงทำได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาจีนที่เมื่อโตขึ้น เด็ก ๆ สามารถนำไปต่อยอดในการดำเนินชีวิตและอาชีพการงานได้ คุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่กำลังมองหาที่เรียนภาษาให้แก่ลูกรัก ลองมาดูกันว่าก่อนตัดสินใจเลือกสถาบันภาษาควรพิจารณาอะไรบ้างเพื่อให้เด็กเรียนได้ผลดี
เลือกสถาบันเรียนภาษาให้เด็กอย่างไรให้ได้ผลดี
1. หลักสูตรเหมาะสมกับเด็ก
นับเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณาเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว สำหรับหลักสูตรเรียนภาษาที่ต้องออกแบบมาเพื่อเด็ก ๆ โดยเฉพาะ เพราะการเรียนภาษาของเด็กเล็กจะไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ที่มีความเข้าใจภาษาต่างประเทศมาก่อนแล้ว สถาบันสอนภาษาจึงควรเป็นสถาบันสำหรับเด็กเล็กที่มีหลักสูตรปูพื้นฐานภาษาต่างประเทศหรือมีหลักสูตรน่าสนใจที่ออกแบบมาเพื่อเด็กเล็กโดยเฉพาะ รวมถึงกิจกรรมระหว่างการเรียนที่มีส่วนอย่างมากในการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก ๆ
2. แบ่งการเรียนการสอนตามช่วงวัย
นอกจากที่เรียนภาษาจะต้องออกแบบหลักสูตรมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงคือหลักสูตรการเรียนการสอนที่เหมาะสมตามช่วงวัย เนื่องจากเด็กเล็กและเด็กโตต้องการการเรียนการสอนแตกต่างกัน หลักสูตรเรียนภาษาต่างประเทศจึงควรแบ่งตามช่วงอายุ เพื่อสอดคล้องกับช่วงวัยและความต้องการของเด็ก ๆ มากที่สุด
3. คุณครูมีประสบการณ์
เนื่องจากผู้ปกครองบางท่านต้องการปูพื้นฐานภาษาต่างประเทศตั้งแต่ลูกยังเด็ก คุณครูผู้สอนจึงต้องมีประสบการณ์สอนเด็กในวัยนี้ รวมถึงคุณครูควรมีเทคนิคเพื่อให้เด็กเรียนรู้และเข้าใจอย่างแท้จริง รู้จักวิธีส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษา ที่สำคัญคุณครูต้องสามารถทำให้เด็ก ๆ รู้สึกสนุกกับการเรียน ไม่ทำให้เด็กรู้สึกเบื่อหน่ายจนรู้สึกไม่อยากเรียนภาษาอีกต่อไป
4 สถาบันเรียนภาษาชั้นนำ เลือกเรียนที่ไหนดีให้ลูกได้ภาษาต่างประเทศ
1. Speak Up Language Center
สำหรับท่านผู้ปกครองที่กำลังมองหาสถาบันเรียนภาษาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ขอแนะนำ Speak Up Language Center สถาบันสอนภาษาอังกฤษและจีน หลักสูตรสำหรับเด็กเล็กอายุ 2.5 - 12 ปี จุดเด่นคือนำวิธีการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori Method) ที่ให้เด็กเป็นศูนย์กลาง เน้นความต้องการของเด็กเป็นสำคัญ ให้เด็ก ๆ เรียนรู้อย่างอิสระด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนรู้ ผู้ปกครองจึงมั่นใจว่าเด็ก ๆ ที่เรียนภาษากับ Speak Up จะรู้สึกสนุกและสื่อสารได้อย่างเข้าใจ
ช่องทางติดต่อสถาบันสอนภาษา Speak Up:
Tel. 087-795-1400
Facebook: @SpeakUpLanguageCenter
2. โรงเรียนบ้านรักภาษา
อีกหนึ่งสถาบันสอนภาษาคุณภาพที่ได้รับการบอกต่อจนมีนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โรงเรียนบ้านรักภาษานั้นมีหลักสูตรการบูรณาการโดยเจ้าของภาษา ออกแบบการเรียนการสอนเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่อาเซียน ซึ่งเป็นแบบผสมผสานเพื่อคนไทยและชาวต่างชาติ สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน โดยมีหลักสูตรภาษาอังกฤษและภาษาจีนสำหรับเด็ก เริ่มต้นที่อายุ 3 ปี โดยเชื่อว่าการเรียนภาษาต่างประเทศตั้งแต่เด็กมีข้อดีตรงที่สามารถฝึกให้ออกเสียงได้เหมือนเจ้าของภาษามากที่สุด
ช่องทางติดต่อโรงเรียนบ้านรักภาษา:
Tel. 089-668-9171
Facebook: Banrakpasa
3. MODULO Language School
โรงเรียนสอนภาษา Modulo เป็นโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศที่มีภาษาให้เลือกเรียนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเกาหลี และภาษาญี่ปุ่น มีหลักสูตรการเรียนที่บรรยากาศสนุกสานและเป็นธรรมชาติ โดยคุณครูที่คัดเลือกมาอย่างมีคุณภาพและประสบการณ์สูง สามารถสอนได้ทั้งคำศัพท์ ไวยากรณ์ แกรมมาร์ ให้เด็ก ๆ ได้มีทักษะครบทั้ง 4 ด้าน ฟัง พูด อ่าน และเขียน พร้อมส่งเสริมให้เด็ก ๆ มีความคล่องแคล่ว มั่นใจ กล้าแสดงออก สามารถนำบทเรียนที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้แน่นอน
ช่องทางติดต่อโรงเรียนสอนภาษาโมดูโล่:
Tel. 02-252-7282
Facebook: @modulo.school
4. Thongin Phone โรงเรียนสถาบันภาษาทองอินทร์
โรงเรียนสถาบันภาษาทองอินทร์ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่าทองอินทร์โฟน เป็นสถาบันที่เป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนานกว่า 45 ปี ซึ่งนอกจากจะสอนภาษาอังกฤษแล้ว ก็มีการเปิดสอนหลักสูตรภาษาต่างประเทศต่างเพิ่มขึ้นอีกมากกมาย ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น ฯลฯ โดยสามารถเลือกคอร์สเรียนแบบพื้นฐาน คอร์สเรียนออนไลน์ หรือคอร์สเรียนส่วนตัวอีกด้วย
ช่องทางติดต่อโรงเรียนสถาบันภาษาทองอินทร์:
Tel. 02-251-1288, 02-251-1250
Facebook: thonginphone
เพราะเด็กเป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ การปลูกฝังความรู้ด้านภาษาตั้งแต่อายุน้อย ๆ จึงมีส่วนสำคัญในการปูรากฐานภาษาที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ในอนาคตเด็ก ๆ สามารถนำความรู้ไปต่อยอดอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ