วว. โชว์ศูนย์การเรียนรู้โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำแห่งแรกของประเทศไทย /มาลัยวิทยสถาน/อบรมอาชีพ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ขับเคลื่อนนโยบาย BCG เนื่องในงานครบรอบวันคล้ายวันสถาปนา 63 ปี วช.
ศ. (พิเศษ) ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานครบรอบวันคล้ายวันสถาปนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ "63 ปี วช. มุ่งสู่สังคมอุดมปัญญา พัฒนาไทย ด้วยวิจัยและนวัตกรรม" โอกาสนี้ ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ร่วมแสดงความยินดีพร้อมร่วมบริจาคจตุปัจจัยในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน วช. ประจำปี 2565 ในการนี้ ศ.ดร.นพ. สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้เกียรติเยี่ยมชม ศูนย์การเรียนรู้โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำแห่งแรกของประเทศไทย และมาลัยวิทยสถาน วิทยสถานแห่งปัญญา พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่ง วว. ได้จัดแสดงนิทรรศการในโอกาสนี้ด้วย โดยได้รับการสนับสนุนทุนจาก วช. ภายใต้โครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้โมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยมี ดร.อาภากร สุปัญญา รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และจัดการนวัตกรรม วว. พร้อมคณะผู้บริหาร นักวิจัยและบุคลากร ร่วมให้การต้อนรับและนำเสนอรายละเอียดการดำเนินงาน
ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ศูนย์การเรียนรู้โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำแห่งแรกของประเทศไทย คือ ความสำเร็จเป็นรูปธรรมและเป็นต้นแบบที่สำคัญ ในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบาย BCG ช่วยลดการขาดดุลการค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งตนเองทางเทคโนโลยีของประเทศ โดยเมื่อ พ.ศ. 2524 กระทรวงการคลังอนุมัติให้ วว. ดำเนินการก่อสร้างโรงงานต้นแบบเพื่อผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำ ที่มีความบริสุทธิ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 99.5 โดยปริมาตรจากมันสำปะหลัง มีกำลังการผลิต 1,500 ลิตรต่อวัน เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนน้ำมันปิโตรเลียมบางส่วน ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2526 ใช้งบประมาณไปจำนวน 70 ล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลญี่ปุ่นและศึกษากรรมวิธีการผลิตจากสมาคมอุตสาหกรรมหมักแห่งประเทศญี่ปุ่น สำหรับการผลิตแอลกอฮอล์หรือเอทานอลจากวัสดุการเกษตร ด้วยกระบวนการผลิตประหยัดพลังงาน นับเป็นโรงงานแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในขณะนั้น
ผู้ว่าการ วว. กล่าวต่อว่า จากจุดเริ่มต้นดังกล่าว วว. มีการต่อยอดวิจัยพัฒนาและประสบผลสำเร็จในการศึกษาการใช้เอทานอลไร้น้ำเป็นเชื้อเพลิง พร้อมทำการศึกษาด้านตลาด โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัท สองพลอย จำกัด และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย นำไปจำหน่ายในสถานีบริการ นอกจากนี้ได้ดำเนินโครงการทดลองตลาดผลิตภัณฑ์แก๊สโซฮอล์จากวัตถุดิบ มันสำปะหลังสด มันสำปะหลังเส้น และน้ำเบียร์ที่หมดอายุ ส่งให้ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยสามารถกลั่นเอทานอลไร้น้ำได้ 168,000 ลิตร นำไปผสมเป็นแก๊สโซฮอล์ สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงจำหน่าย ทดแทนน้ำมันเบนซินออกเทน 95 นอกจากนี้ยังให้บริการกลั่นแอลกอฮอล์ไร้น้ำให้กับ ปตท. เพื่อนำไปใช้ทดลองเป็นเชื้อเพลิงในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาด้วย
"...โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำจากมันสำปะหลัง มีระยะเวลาเปิดดำเนินการในการทำหน้าที่เป็นโรงงานต้นแบบผลิตพลังงานทดแทนให้แก่ประเทศรวม 20 ปี (พ.ศ.2526-2546) ปัจจุบันไม่ได้ถูกใช้งานแล้ว เนื่องจากโรงงานผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลของภาคเอกชน ซึ่ง วว. เป็นหน่วยงานสำคัญที่ผลักดันรัฐบาลอนุมัติให้มีการจัดตั้ง ได้เริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ใช้อยู่ในขณะนี้ ด้วยศักยภาพของโรงงานแห่งนี้ วว. โดยการสนับสนุนทุนจาก สำนักงานสภาวิจัยแห่งชาติ จึงได้ดำเนินการปรับปรุงให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อเป็นแหล่งค้นคว้า ศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ด้านพลังงานทดแทนของประเทศต่อไป..." ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าว
สำหรับ มาลัยวิทยสถาน ทำหน้าที่เป็นวิทยสถานแห่งปัญญา พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม ตลาดไม้ดอกไม้ประดับและผลิตภัณฑ์ ยกระดับภาคเกษตรเป็นธุรกิจ สร้างงาน สร้างรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการต่อเนื่อง เช่น การท่องเที่ยว เป็นต้น ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่ช่วยเพิ่มรายได้ของชุมชนในพื้นที่ให้มากขึ้น โดยมีรูปแบบการดำเนินงาน ดังนี้ 1) นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ เกษตรกรไม้ดอกไม้ประดับ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ 2) พัฒนาข้อมูลพื้นฐานไม้ดอกไม้ประดับอัตลักษณ์ประจำถิ่น สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ 3) พัฒนาปัจจัยการผลิตในการทำการเกษตรแบบปลอดภัย 4) ยกระดับระบบการปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับที่ดีด้วยเกษตรแม่นยำ 5) พัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและบรรจุภัณฑ์ไม้ตัดดอกและไม้ประดับกระถางส่งตรงผู้บริโภค 6) ช่วยลดต้นทุนการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ และ 7) สร้างมูลค่าตามแนวทางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
อนึ่ง เนื่องในการจัดงานครบรอบคล้ายวันสถาปนา 63 ปี วช. ระหว่างวันที่ 25-28 ตุลาคม 2565 ณ วช. บางเขน นอกจากการจัดกิจกรรมเยี่ยมชม ศูนย์การเรียนรู้โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำแห่งแรกของประเทศไทย และมาลัยวิทยาสถาน แล้ว วว. ยังได้ร่วมจัดการอบรมอาชีพ จำนวน 4 หลักสูตร ได้แก่ การผลิตน้ำมันหอมสำหรับมือใหม่และสเปรย์แอลกอฮอล์จากสมุนไพรไทย การจัดสวนสวยในขวดแก้ว การจัดสวนย่อส่วน/ขนาด สำหรับใช้ประดับและตกแต่ง และการผลิตเชื้อเพลิงก้อนหรือแอลกอฮอล์แข็งจากเอทานอลเหลือทิ้ง เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่พี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ วว. ยังได้นำนวัตกรรม BCG ผลงานของศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ วว. และหน่วยงานพันธมิตรพัฒนาขึ้นร่วมจัดภูมิทัศน์ "ศูนย์เกษตรวิถีเมือง วช." ด้วย ดังนี้ บล็อกคอนกรีตปูพื้นและแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปจากเถ้าโรงไฟฟ้า : ใช้ทดแทนปูนซีเมนต์ได้มากถึงร้อยละ 20 กระเบื้องดินเผาตกแต่งจากส่วนผสมของเถ้าแกลบ สีไฟโตคะตะลิสต์ : สำหรับผสมในสีเพื่อให้สีสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ ลดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรคบนผนัง คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) จากการนำเถ้าโรงไฟฟ้าผสมรวมกับทรายและหินสำหรับใช้ทดแทนวัตถุดิบเดิม เช่น ปูนซีเมนต์ ได้มากถึงร้อยละ 20
วว. พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน ของประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ โทร. 0 2577 9000 โทรสาร 0 2577 9009 เว็บไซต์ www.tistr.or.th อีเมล : tistr@tistr.or.th line@TISTR IG : tistr_ig