แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) ประกาศผลประกอบการรวมประจำไตรมาสที่สามที่ 21.2 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 5.62 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 14.1 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสที่สามของปีที่ผ่านมา และถือเป็นผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 746.6 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.98 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 25.1 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา
รายได้ของแอลจีในไตรมาสที่สามเติบโตจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับพรีเมียม รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหมวดหมู่ใหม่ ๆ และชิ้นส่วนยานยนต์ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในปีที่แล้ว ทำให้ผลกำไรจากการดำเนินงานลดลง โดยแปรผันตามความต้องการสินค้า ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจระดับโลก
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามที่ 7.5 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 1.99 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 5.8 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา และเป็นผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว สำหรับผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 228.3 พันล้านวอน (หรือประมาณ 6.05 พันล้านบาท) ต่ำกว่าปีที่แล้วซึ่งเป็นผลจากการทุ่มงบประมาณด้านการตลาดและต้นทุนด้านการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของรายได้ที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงยอดขายที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรปของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียม รวมถึงหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมสุขอนามัยด้วยการใช้เทคโนโลยีไอน้ำ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศวางแผนที่จะรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงการบริหารจัดการโครงสร้างราคาเพื่อเพิ่มผลกำไร
กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีรายได้ประจำไตรมาสที่สามที่ 3.7 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 9.81 หมื่นล้านบาท) และขาดทุนจากการดำเนินงาน 55.4 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.47 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นผลมาจากการทุ่มงบประมาณด้านการตลาดเพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันในตลาดที่เข้มข้นยิ่งขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ของแอลจีจะใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการจัดการงบประมาณการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งสร้างการเติบโตของกลุ่มทีวีพรีเมียม รวมถึงการจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ทำรายได้ประจำไตรมาสที่สามที่ 2.3 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 6.1 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 45.6 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา ถือเป็นผลประกอบการประจำไตรมาสที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยมีกำไรจากผลการดำเนินงานอยู่ที่ 96.1 พันล้านวอน (หรือประมาณ 2.55 พันล้านบาท) ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นผลจากการที่แอลจีตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิตรถยนต์ได้อย่างดีด้วยการจัดการซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทจะเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก พร้อมกับการบริหารจัดการโครงสร้างต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลกำไรในอนาคต
กลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับองค์กร เผยรายได้ประจำไตรมาสที่สามที่ 1.4 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 3.71 หมื่นล้านบาท) โดยขาดทุนจากการดำเนินงาน 14.4 พันล้านวอน (หรือประมาณ 3.82 ร้อยล้านบาท) เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่สูงขึ้น สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้น 9.7 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นผลจากการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจ B2B ดังนั้น บริษัทฯ จึงตั้งเป้าดำเนินธุรกิจเชิงรุกเจาะกลุ่มลูกค้าในธุรกิจดังกล่าว โดยการพัฒนาโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละลูกค้ามากขึ้น และเพิ่มตัวเลือกในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเติบโตที่มั่นคง ควบคู่ไปกับการทำให้การจัดหาชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์หลัก ๆ มีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงการลดต้นทุนการผลิตและบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไตรมาสที่?3?ปี?2565??
รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของ แอลจี อีเลคทรอนิคส์?เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ?IFRS (International Financial Reporting Standards)?สำหรับช่วงสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทไทยต่อวอนเกาหลีจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2565 อยู่ที่ 1 บาทต่อ 0.0265 วอน (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย)