ปัจจุบันการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภคอาจไม่เพียงพออีกต่อไป นอกจากคุณภาพของสินค้าแล้ว "ภาพลักษณ์" นับเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะบนฉลากสินค้าซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าจะสังเกตได้เป็นอย่างแรกขณะเดินช้อปปิ้ง ดังนั้นการออกแบบสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องใส่ใจอย่างมาก เพื่อสร้างความประทับใจแรกที่น่าจดจำที่สุด
ดังนั้น 911 Print จะมาแชร์ 5 ทริค Label Design หลักการออกแบบฉลากสินค้า ทำอย่างไรให้แบรนด์ได้สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าที่เป็นเลิศ น่าดึงดูด และเป็นเอกลักษณ์ จะมีหลักการอะไรบ้าง? ตามมาอ่านรายละเอียดกันได้เลย
อย่างที่กล่าวไป การออกแบบสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าจำเป็นต้องใส่ใจในรายละเอียดแทบทุกตารางนิ้ว โดยยึดหลักการออกแบบ ดังนี้
1. การจัดวาง Blocking ของฉลากสินค้า
ฉลากสินค้าที่ดีนั้นประกอบขึ้นจากหลายๆ ส่วน ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีความเกี่ยวข้องกันและมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลย ด้วยเหตุนี้เองการวาง "ตำแหน่ง" ขององค์กรประกอบแต่ละอย่างหรือเรียกว่า Blocking เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นการปรับขนาด จุดการวางโลโก้ ข้อความ ข้อมูลจำเฉพาะ หรือองค์ประกอบอื่นๆ ที่ต้องการใส่เข้าไปบนฉลาก เพื่อลองทดสอบดูว่าการจัดวางแบบไหนเหมาะสมที่สุด อะไรมีไซส์เท่าไหร่ถึงจะดูไม่รกตาหรือดูสวยงามที่สุด
พูดง่ายๆ ว่าเป็นขั้นตอนการลองผิดลองถูกว่าฉลากแบบไหนที่จะดีที่สุด ซึ่งก็สามารถทำได้บนโปรแกรมออกแบบเช่น Adobe Illustrator, Adobe Photoshop หรือ Canva เป็นต้น ก่อนจะเริ่มพิมพ์ฉลากสินค้าของจริงออกมา เพื่อที่จะไม่พลาดโอกาสการขายในภายหลัง
2. ช่องวางขององค์ประกอบบนฉลาก
แน่นอนว่าเจ้าของธุรกิจไม่สามารถใส่ทุกรายละเอียดเข้าไปบนฉลากสินค้าได้ทั้งหมด นอกจากนี้ การใส่รายละเอียดเยอะเกินไปยังทำให้ฉลากดูยุ่งเหยิง แก้ไขโดยการเว้นช่องว่างเอาไว้จึงเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของการออกแบบหรือเรียกว่าการสร้าง "Breathing Room" ช่วยสร้างสมดุลในงานออกแบบ สร้างความสบายตาให้แก่ลูกค้า และช่วยให้สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า "ดูแพง" ขึ้นอีกด้วยนั้นเอง
3. การออกแบบที่สัมพันธ์กับการรับรู้
อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าของธุรกิจเกิดอาการงงกันนิดหน่อย อธิบายง่ายๆ ว่า เมื่อผู้บริโภคหยิบสินค้าขึ้นมาจากชั้นวาง ปกติแล้วจะมี "ลำดับในการอ่าน" หรือการรับรู้ข้อมูลอยู่ของลูกค้า โดยจะไล่จาก จุดที่เด่นที่สุดก่อน และตามด้วยชื่อแบรนด์ ชื่อหรือรุ่นสินค้า รวมไปถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เขียนไว้บนฉลาก แต่ไม่ใช่เสมอไป เพราะบางครั้ง เจ้าของธุรกิจสามารถนำส่วนที่ต้องการเน้นมาไว้เป็นจุดเด่นบนฉลากได้ เช่น ทำให้โลโก้ของแบรนด์เด่นกว่าส่วนอื่น หรือ เน้นข้อความเช่น "ปริมาณเพิ่มขึ้น 20%" เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ เป็นต้น
เจ้าของแบรนด์ควรคำนึงถึงสิ่งนี้ควบคู่ไปกับการออกแบบสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า และกิจกรรมทางการตลาดว่าอยากจะโปรโมตสินค้าโดยเน้นจุดเด่นหรือเอกลักษณ์อะไร เพื่อที่จะกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีความอยากซื้อสินค้านั้นๆ มากกว่าเดิม
4. ขนาดของสติ๊กเกอร์กับแพ็กเกจสินค้า
เมื่อการออกแบบนั้นต้องทำผ่านโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่างๆธุรกิจส่วนใหญ่มักจะลืมเรื่องของ "ขนาด" ของตัวสติ๊กเกอร์สินค้า ที่บางครั้งพอลองออกแบบและพิมพ์ออกมาแล้วลองนำไปติดกับแพ็กเกจสินค้า ก็ดันมีขนาดไม่พอดีซะงั้น หรือ ไม่เหมาะสมกับตัวสินค้า ซึ่งการควรคำนวณขนาดของสติ๊กเกอร์และตัวสินค้าให้ดีก่อน และนำขนาดไปออกแบบภายหลังจะทำให้ตัวสติ๊กเกอร์สินค้าออกมาพอดีและลงตัวมากกว่านั้นเอง
5. ข้อความโฆษณาบนฉลาก
บ่อยครั้งที่ข้อความสั้นๆ กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ ซึ่งข้อความโฆษณาหรือ Copy บนฉลากสินค้านั้นเป็นอีกหนึ่งทริคที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายหรือสร้างการจดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี โดยข้อความโฆษณาดังกล่าวก็ควรที่จะเป็นข้อความสั้นๆ 2 - 3 ประโยค และเขียนด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายหรือตรงกับภาษาที่กลุ่มเป้าหมายใช้ ก็จะสามารถโน้มน้าวให้ลูกค้าเกิดความอยากซื้อหรือสนใจมากขึ้น
สุดท้ายนี้ ต้องไม่ลืมที่จะนึกถึงความเข้ากันกับองค์ประกอบอื่นๆ บนฉลากด้วย ว่าสามารถเข้ากันได้หรือไม่ ถ้าเขียนไปแล้วยาวเกินไป ควรต้องตัดออกหรือเปล่า
ติดต่อ รับปริ้นสติ๊กเกอร์ ไดคัท, รับพิมพ์ฉลากสินค้า
บริษัท 911ปรินท์ จำกัด 30/276 ม.7 ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี 22000
โทร: 061-5678-911
Images soucre: https://www.911print.co.th/wp-content/uploads/2020/10/label-on-package-1.png