DKSH สนับสนุนด้านการขนส่งระบบห่วงโซ่ความเย็น (cold chain) ให้แก่ ใบยา ไฟโตฟาร์ม เพื่อผลักดันความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 จากใบพืชรายแรกในประเทศไทย
หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด คู่ค้าชั้นนำสำหรับบริษัทผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในภูมิภาคเอเชีย สนับสนุนการขนส่งระบบห่วงโซ่ความเย็น (cold chain) ให้แก่ ใบยา ไฟโตฟาร์ม บริษัทที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพให้กับประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ โดยใช้พืชเป็นตัวกลางในการผลิตสารชีววัตถุ ที่สามารถนำไปใช้ผลิตเครื่องสำอาง ยา และวัคซีนได้เป็นรายแรกของประเทศไทย
DKSH ได้ให้การสนับสนุนด้านการขนส่งยาแก่ใบยา ไฟโตฟาร์ม ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 โดยขนส่งสารสำคัญของวัคซีนที่ได้จากใบยาสูบ ณ โรงงานต้นแบบการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุจากพืช ของ ใบยา ไฟโตฟาร์ม ไปยัง KinGen Biotech และสถานเสาวภา สภากาชาดไทยเพื่อดำเนินการผลิตวัคซีนในขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ การขนส่งด้วยระบบห่วงโซ่ความเย็นของ DKSH ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ 2-8 องศาเซลเซียส ระหว่างการขนส่ง เพื่อรักษาคุณภาพของวัคซีน
ผศ.ภญ. ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ CEO และ Co-founder บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม กล่าวว่า "ขณะนี้ เราได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 จากใบยาสูบเป็นรุ่นที่ 2 โดยพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถรับมือกับไวรัสกลายพันธุ์หลากสายสายพันธุ์ ทั้งนี้ หนึ่งปัจจัยสำคัญในการดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาวัคซีน คือการขนส่งและการเก็บรักษาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ โดยการสนับสนุนของ DKSH ในครั้งนี้ ทำให้เราเชื่อมั่นได้ว่าวัคซีนของเราจะคงคุณภาพตลอดกระบวนการวิจัย และจะสามารถส่งมอบวัคซีนที่มีคุณภาพถึงมือชาวไทยได้ในอนาคตอันใกล้นี้"
นายแพทริค แกรนเด รองประธานฝ่ายบริหาร หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท DKSH กล่าวว่า "เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนองค์กรนักวิจัยไทยในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ภายในประเทศ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของเราในด้านการบรรจุและขนส่งวัคซีน รวมถึง ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิ ยา และ เครื่องมือแพทย์ ตลอดจนประสบการณ์ด้านการกระจายวัคซีนให้แก่คนไทยอย่างต่อเนื่อง DKSH พร้อมที่จะสนับสนุนการขนส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนาให้แก่ ใบยา ไฟโตฟาร์มอย่างเต็มความสามารถ และหวังว่าจะได้มีส่วนร่วมในการกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนชาวไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนที่ผลิตเองในประเทศไทย อีกทั้งมีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมยาในประเทศไทยให้เติบโตมากยิ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ผู้คนตลอดมา"