ไฮไลท์ข่าว:
- ประสิทธิภาพการผลิตสูง - เอชพีเปิดตัวเครื่องพิมพ์ Latex 2700 ให้สมรรถนะการพิมพ์หมึกขาวและช่วงกามุทสีมากขึ้น
- กระบวนการทำงานคุณภาพสูงด้วยบริการ HP Professional Print ที่ช่วยผู้บริการด้านการพิมพ์เพิ่มประสิทธิภาพของระบบตรวจสอบเวิร์กโฟลว์
- วัสดุการพิมพ์ยั่งยืนด้วยหมึกพิมพ์แบบน้ำที่พัฒนาขึ้นเป็นรุ่นที่สี่ หมึกพิมพ์ Latex ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมสูงสุดเท่าที่เอชพีเคยมีมา
เอชพี เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ที่ช่วยให้ผู้ให้บริการการพิมพ์ (PSP) รองรับกับความต้องการงานพิมพ์จำนวนมาก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และขยายธุรกิจด้วยนวัตกรรมแอพพลิเคชั่นใหม่
ปาริเชท ซิงห์ โทมาร์ Head of HP Large Format Graphics Business, Asia Pacific except China กล่าวว่า "เพื่อสร้างศักยภาพงานผลิตที่สูงขึ้น ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์มองหาประสิทธิภาพการผลิตและเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาช่วยให้เขารับงานในปริมาณมากขึ้นด้วยความมั่นใจในการส่งมอบผลงานอันยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า การเปิดตัวเครื่องพิมพ์ HP Latex 2700 รุ่นล่าสุดนี้ จึงเป็นคำตอบที่ให้ทั้งด้านคุณภาพและความรวดเร็วในการพิมพ์ที่สูงขึ้น อีกทั้งยังมีสมรรถนะในการพิมพ์หมึกสีขาวที่สร้างความน่าทึ่งให้กับลูกค้า นอกจากนี้เอชพียังมีบริการ Professional Print Service ที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์บริหารวิธีการหลากหลายรูปแบบ เพื่อจัดการการทำงานของเครื่องพิมพ์ เพิ่มศักยภาพทั้งการดำเนินงานและขยายโอกาสทางธุรกิจด้วย"
การพิมพ์ประสิทธิภาพสูงโดยคำนึงถึงความยั่งยืน
เครื่องพิมพ์ HP Latex 2700 กว้าง 3.2 ม. (126 นิ้ว) รุ่นใหม่ ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตไปอีกขั้น ให้สีสันสดใสด้วยสีอิ่มตัวสูงสุดถึง 89 ตร.ม./ชม. (958 ฟุต?/ชม.) ผ่านหัวพิมพ์คู่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบทำความสะอาดหัวพิมพ์อัตโนมัติ ผู้ใช้สามารถรับงานที่ทำกำไรสูงด้วยช่วงกามุทสีที่มากขึ้น 30% พิมพ์ด้วยความเร็วสูงให้ความมันวาวในงานพิมพ์ป้ายและงานตกแต่งต่างๆ รวมถึงวัสดุแผ่นฟิล์มบาง ไวนิล และกระดาษ ในขณะเดียวกัน เครื่องพิมพ์ HP Latex 2700W สามารถพิมพ์หมึกที่ขาวที่สุด ในตลาดด้วยความเร็วสูงสุด 54 ตร.ม./ชม. (581 ฟุต?/ชม.) ทำให้ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สามารถผลิตสิ่งพิมพ์ด้วยแอปพลิเคชันที่สร้างผลกำไรสูงบนวัสดุโปร่งใสและสี มีระบบหมุนเวียนหมึกอัตโนมัติและหัวพิมพ์สีขาวที่สามารถล้างหัวพิมพ์ด้วยตนเองได้ด้วยระบบทำความสะอาดหัวพิมพ์หมุนเวียนอัตโนมัติ
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ Latex ซีรีส์ 2700 พิมพ์ด้วยหมึก HP Latex รุ่นที่สี่ ซึ่งได้รับการรับรองจาก UL ECOLOGO(R) ตามข้อกำหนด UL GREENGUARD GOLD และ Toy Safety ทำให้ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สามารถผลิตงานพิมพ์ที่ลดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ผู้อาศัยในอาคาร หรือในสถานที่ที่ปลอดมลภาวะ
นอกจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดใช้กล่องบรรจุตลับหมึกกระดาษแข็ง HP Eco-Carton ใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษแข็งรีไซเคิล ซึ่งรีไซเคิลได้ 100% รวมถึงพลาสติกรีไซเคิลจากกระบวนการรีไซเคิลแบบปิดของเอชพีจากวัสดุขวดเครื่องดื่มที่ใช้แล้วและขยะพลาสติกจากทะเล
ปลดล็อกประสิทธิภาพการทำงานด้วยบริการ HP Professional Print
บริการ HP Professional Print Service ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัว เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานและการผลิตสูง และการสนับสนุนโอกาสในการพัฒนาการเรียนรู้
ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สามารถเลือกบริการ HP Professional Print Service ได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ Basic และ Plus โดยแต่ละแบบจะมีบริการและโซลูชั่นซอฟต์แวร์ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจ คุณสมบัติใหม่และที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย:
- Print Beat Live Production - ผู้ใช้งานสามารถควบคุมคิวงานทั้งหมดแบบเรียลไทม์จากจุดเดียวเพื่อติดตามการผลิตของเครื่องพิมพ์ที่ติดตั้งอยู่หลายที่ได้ โซลูชั่นนี้ช่วยในการตรวจสอบ คาดการณ์ปัญหาและประหยัดเวลาทำงานมากขึ้น
- Print Beat Jobs API - ช่วยรวบรวมข้อมูลการทำงานของเครื่องพิมพ์ส่งไปยังระบบบริหารจัดการธุรกิจ ERP/MIS อย่างอัตโนมัติ เพื่อประมวลผลร่วมกับการปฎิบัติงานของหลากหลายหน่วยงาน ให้เกิดข้อมูลในเชิงลึกมาสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับธุรกิจ
- HP Learn -แพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางดิจิทัลที่ประกอบด้วยโมดุลการฝึกอบรมระดับพรีเมียมฟรีขึ้นอยู่กับรูปแบบบริการที่ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์เลือกใช้ เพื่อเพิ่มทักษะและศักยภาพองค์กรในการเผชิญความท้าทายทางธุรกิจ
- เพิ่มประสิทธิภาพ HP Service Center - เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงรุก เพิ่มผลิตผลของเวลาทำงาน รวมถึงการวิเคราะห์อัจฉริยะที่จะคอยแจ้งเตือนหากจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขทันที
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ HP Professional Print Service และคุณสมบัติอื่นๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hp.com/th-th/printers/large-format/professional-print-service-plans.html
การวางจำหน่าย
HP Latex 2700 วางจำหน่ายแล้วในประเทศหลักทั้งหมด และบริการ HP Professional Print Service พร้อมใช้งานทั่วโลกแล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2565