บมจ.เอ็น.ดี. รับเบอร์ หรือ NDR เผยว่า ผลงาน Q3/65 มีรายได้รวมอยู่ที่ 224.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.47% จากปีก่อน และขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 11.43 ล้านบาท จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.33 ล้านบาท เหตุเป็นสินค้าที่ผลิตด้วยวัตถุดิบต้นทุนสูง ด้านเอ็มดี "ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา" คงเป้ารายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท หลัง 9 เดือนกวาดรายได้แล้ว 635.27 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าติดตั้ง Solar Rooftop กำลังการผลิต 2.1 เมกะวัตต์ เพื่อลดต้นทุนพลังงาน จ่อจ่ายไฟฟ้าได้ในช่วงไตรมาส 1/2566
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 224.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.47% จากปีก่อน และขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 11.43 ล้านบาท จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.33 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าตลาดจะยังคงซบเซา แต่บริษัทฯ ยังสามารถเพิ่มรายได้ขึ้นให้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ตามบริษัท ฯ ยังคงเผชิญกับภาวะต้นทุนสูง ถึงแม้ว่าต้นทุนจะเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวและมีวัตถุดิบบางอย่างราคาเริ่มอ่อนตัวลงบ้าง แต่วัตถุดิบและสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าเพื่อใช้ในไตรมาส 3/2565 ยังเป็นส่วนที่มีต้นทุนสูงอยู่ รวมถึงต้นทุนพลังงานที่มีการขยับตัวขึ้นทั้งถ่านหินและค่าไฟฟ้า จึงส่งผลให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ลดลงในไตรมาสนี้
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 635.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.41% จากปีก่อน และขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 5.22 ล้านบาท จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.97 ล้านบาท เนื่องจากสงครามรัสเซียและยูเครน ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนด้านพลังงานเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
กรรมการผู้จัดการ NDR กล่าวว่า จากสภาวะต้นทุนพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้วัตถุดิบราคาต่ำที่บริษัทฯ ได้สต๊อคไว้หมดลง ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น และทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเป็นเพียงสถานะการณ์ชั่วคราว เพราะปัจจุบันราคาวัตถุดิบเริ่มทรงตัวและมีวัตถุดิบบางตัวเริ่มมีราคาอ่อนตัวลงบ้าง เหลือเพียงต้นทุนพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยบริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทฯทำรายได้แล้ว 635.27 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนระยะยาวในการลดต้นทุนพลังงานด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop เพิ่ม มีกำลังการผลิต 2.1 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ในช่วงไตรมาส 1/2566 โดยจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้รวมกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน