บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เผยผลดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 ด้วยกระแสเงินสดและผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขาย รวม 2,397 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 87,274 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 106 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 1,350 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 49,160 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 155 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 487 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 17,744 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 360 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นภายใต้อุปทานที่มีจำกัด ประกอบกับรายได้จากธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งมอบพลังงานที่ดีขึ้นเพื่ออนาคต (Smarter Energy for the Future)
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ผลการดำเนินงานของเราในไตรมาส 3 ปี 2565 มีการเติบโตอย่างน่าพอใจ ทั้งจากความต้องการพลังงานที่ขยายตัวแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการขยายตัวของรายได้ที่เริ่มเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมทั้งจากการขยายการเติบโตในพอร์ตธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve ทั้งด้านที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมพลังงาน รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่นอกเหนือจากด้านพลังงานและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี (Tech Enabler) ซึ่งล่าสุด บ้านปู เน็กซ์ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อการลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 25 ในบริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT สำหรับจัดการระบบการใช้พลังงานในอาคารและโรงแรม ต่อยอดโซลูชันเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และลงทุนในกองทุน Smart City Fund II ของ Eurazeo ที่มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่ และเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ยังคงเดินหน้าการดำเนินการภายใต้หลัก ESG ที่เรายึดถือมาตลอดอย่างแข็งขัน โดยได้รับรางวัล Sustainability Awards of Honor จากเวที SET Awards 2022 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งมอบให้กับองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนในระดับยอดเยี่ยมต่อเนื่องตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป และได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment) หรือ THSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 จากตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน"
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2565 มีรายละเอียดจำแนกตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลักได้ดังต่อไปนี้
ด้านกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) ธุรกิจเหมือง สร้างโอกาสและรายได้ที่เติบโตจากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ยังคงสูง ขณะที่รายได้จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น และราคายังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนั้น ในไตรมาส 3 บริษัทฯ ยังสามารถรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อสัดส่วนผลประโยชน์ในแหล่งก๊าซธรรมชาติ XTO Barnett
ขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (Energy Generation) ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน สามารถรักษาอัตราการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะที่โรงไฟฟ้า BLCP ในไทย โรงไฟฟ้า HPC ในลาว และโรงไฟฟ้า Temple I ในสหรัฐฯ ขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน สามารถเพิ่มกำลังการผลิตรวมจากพลังงานหมุนเวียนได้ถึง 1,003 เมกะวัตต์
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) ยังคงเร่งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณท์และบริการ เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู (Banpu Ecosystem) ให้แข็งแกร่ง โดยล่าสุดได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเจิ้งติ้ง ประเทศจีน ในการดำเนินโครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา กำลังผลิต 58 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายเพิ่มเป็น 167 เมกะวัตต์ในปี 2566
รวมทั้งเข้าถือหุ้น 25% ในบริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT สำหรับระบบจัดการการใช้พลังงานอย่างเหมาะสมในอาคารและโรงแรม และเข้าลงทุนจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ ในกองทุน Smart City Fund II ของ Eurazeo ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนระดับโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่ สมาร์ทโมบิลิตี้ และเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรม
"เรายังคงเพิ่มอัตราเร่งในการสร้างการเติบโตภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter โดยอาศัยการผสานจุดแข็งจากระบบนิเวศด้านพลังงานอย่างครบวงจรของเรา ควบคู่ไปกับการแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจต่าง ๆ ที่สามารถพัฒนาความเชี่ยวชาญ ส่งเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและเดินหน้าพัฒนาสู่ความยั่งยืนในระยะยาว" นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย