"บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย หรือ AMARC" โชว์ผลงาน 9 เดือน ฟอร์มสวย มีกำไรอยู่ที่ 17.38 ลบ. พุ่ง 13.9% โกยรายได้ 202.61 ลบ. เติบโต 13.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หลังโควิดคลี่คลาย กลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่แห่ใช้บริการ หนุนรายได้กลุ่มบริการตรวจวิเคราะห์ และบริการสอบเทียบเพิ่มขึ้น ขณะที่งบ Q3/65 มีกำไรอยู่ที่ 4.67 ลบ. โต 8.0% รายได้อยู่ที่ 71.24 ลบ. เพิ่มขึ้น 24.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 เชื่อว่ามีแนวโน้มเติบโตที่ดี คาดว่าผลงานทั้งปี 65 รายได้กลับมาเติบโตปกติได้ ใกล้เคียงกับการเติบโตในช่วงก่อนการระบาดของโควิด
ดร.ชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC (เอมาร์ค) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวด 9 เดือน บริษัทฯมีรายได้จากการบริการ 202.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตในกลุ่มบริการตรวจวิเคราะห์ มีรายได้ 184.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% และบริการสอบเทียบเพิ่มขึ้น 32.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งในปีก่อนหน้าสามารถให้บริการได้เพียงช่วงเวลาหนึ่งของแผนงาน จากสถานการณ์โควิด ในขณะที่ปัจจุบันสามารถให้บริการได้ตามแผนปกติ รวมถึงการใช้บริการจากงานโครงการกลุ่มบริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่แห่งหนึ่งเพิ่มเติมจากปีที่ผ่านมา และการใช้บริการจากงานโครงการตรวจวิเคราะห์ของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง มีกำไรเบ็ดเสร็จสำหรับงวดอยู่ที่ 17.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
"ในงวด 9 เดือน บริษัทฯมีกำไรขั้นต้น 86.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 42.7% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 42.5% โดยมีปัจจัยจากการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ของกลุ่มบริการตรวจวิเคราะห์จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น และการลดลงของบริการตรวจสอบและรับรองระบบ ซึ่งมีอัตรากำไรที่ต่ำกว่าบริการตรวจวิเคราะห์อย่างมีนัยสำคัญ" ดร.ชินดนัย กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการบริการ 71.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.1% มีกำไรสุทธิ 4.67 ล้านบาท เติบโต 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 41.2% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2564 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 42.4% สาเหตุหลักมาจากต้นทุนน้ำยา เวชภัณฑ์ และวัสดุสิ้นเปลืองที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น และการลงทุนในเครื่องมือวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม
ส่วนแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 เชื่อว่ามีแนวโน้มเติบโตที่ดี สนับสนุนให้ผลประกอบการปี 2565 คาดว่ารายได้จะกลับมาเติบโตใกล้เคียงกับการเติบโตในช่วงก่อนการระบาดของโควิด สนับสนุนให้ความสามารถในการสร้างรายได้ และกำไรสูงขึ้น ภายหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าจะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น รองรับงานโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคตให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
"บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้อีกมาก โดยจะนำจุดเด่นของ AMARC ที่โดดเด่นในด้านความมั่นคงและชื่อเสียงจากการเป็นผู้ให้บริการทางวิทยาศาสตร์มายาวนานกว่า 18 ปี มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทยได้รับการควบคุมคุณภาพ เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ วางกลยุทธ์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการทดสอบ ตรวจสอบ และรับรอง แบบ Comprehensive Supply Chain Service สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้ให้บริการจากลูกค้า สามารถรักษาฐานลูกค้ารายเดิมในอัตราที่สูง" ดร.ชินดนัย กล่าว