CHG อวดงบ 9 เดือน กวาดรายได้รวม 8,591 ล้านบาท รับแรงหนุนรายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป ผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน เติบโตต่อเนื่อง เผยคนไข้ "ชาวไทย-ต่างชาติ" กลับเข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลจุฬารัตน์มากขึ้น ดันกำไรสุทธิงวด 9 เดือนทะลัก 2,493 ล้านบาท
น.พ.กำพล พลัสสินทร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 9 เดือนปี 2565 มีรายได้รวมจำนวน 8,591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือน ปี 2564 ที่มีรายได้รวม จำนวน 8,065 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,493 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,391 ล้านบาท
สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 8,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 506 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือน ปี 2564 โดยมีรายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป เพิ่มขึ้น 38% โดยแยกออกเป็นรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) เพิ่มขึ้น 627.51 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้น 499.24 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นสืบเนื่องมาจากรายได้เกี่ยวเนื่องจากโควิด-19 และบริการฉีดวัคซีนทางเลือก นอกจากนี้การเริ่มกลับสู่ภาวะปกติส่งผลให้คนไข้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกลับเข้ามารับบริการในโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น
ขณะที่รายได้จากโครงการประกันสังคม สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2565 เพิ่มขึ้น 21% จากงวด 9 เดือนปี 2564 ที่ผ่านมา จากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นและการกลับมารักษาของผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูง ในส่วนของรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท จากการรับจ้างบริหารงานให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ
น.พ.กำพล กล่าวต่อว่า ผลประกอบการปีนี้ยังคงสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสยังคงสูงอยู่ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ติดเชื้อได้ง่าย แต่อาการไม่รุนแรง จึงทำให้โรงพยาบาลยังมีการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ค่อนข้างมาก ประกอบกับอัตราการเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลของภาครัฐยังคงอยู่ จนกระทั่งสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายลงจนรัฐบาลได้มีการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และยกเลิกการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลในช่วงต้นไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ดังจะเห็นได้จากรายได้ในส่วนนี้ลดลงจากปีก่อนหน้า
ในขณะเดียวกัน เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ทำให้ผู้ป่วยทั่วไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกลับมาใช้บริการของโรงพยาบาลมากขึ้น ส่งผลให้รายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2565 ของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2565 รายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป เพิ่มขึ้น 19% โดยแยกออกเป็นรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) เพิ่มขึ้น 136.33 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้น 76.56 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลประกอบการของศูนย์รายได้ต่าง ๆ ที่กลับมาให้บริการ รวมถึงการขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีรายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปสูงขึ้น
ในขณะที่รายได้ที่เกี่ยวเนื่องจากโควิด-19 ลดลงอย่างมากจากการฉีดวัคซีนและการรักษาพยาบาลขณะที่รายได้จากโครงการประกันสังคม ไตรมาส 3 ปี 2565 เพิ่มขึ้น 54% จากไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ผ่านมา จากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นและการกลับมารักษาของผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูง และบริษัทฯ มีรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น 6 ล้านบาท จากการรับจ้างบริหารงานให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ ดังนั้นในส่วนของรายได้รวมไตรมาส 3 ปี 2565 มีจำนวน 2,100 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 258 ล้านบาท