นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 12 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 หรือระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2565 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.13498 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 13 ธันวาคม 2565
เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 12 ครั้ง คิดเป็นเงิน 2.45623 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินคืนทุนไป 2 ครั้ง คิดเป็นเงิน 0.180 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 2.63623 บาทต่อหน่วย
สำหรับสรุปผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2565 พบว่า มีรายได้รวมเท่ากับ 612.3 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 487.2 ล้านบาท ลดลง 3.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกปี 2565 เท่ากับ 79.6% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 79.0%
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2565 นั้น กองทุน SUPEREIF มีรายได้ลดลง 5.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 21.3% จากไตรมาสก่อน เป็น 170.2 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิลดลง 5.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 26.1% จากไตรมาสก่อนเป็น 128.7 ล้านบาท อย่างไรก็ดี อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ สำหรับไตรมาส 3 ปี 2565 เท่ากับ 75.6% เทียบกับ 75.4% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 80.5% ในไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์
ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584