ระหว่างเทศกาลช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกบรรลุผลสำเร็จมากขึ้นด้วยการใช้พลังงานและต้นทุนน้อยลงและใช้พลังงานสะอาดในดาต้าเซ็นเตอร์หลักเพิ่มขึ้นสองเท่า
อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ประสบความสำเร็จอย่างงดงามอีกครั้งในการนำระบบประมวลผลสมรรถนะสูงและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนเทศกาลช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 การที่กลุ่มบริษัท ได้อัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่พัฒนาขึ้นเองหลายรายการ ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนการประมวลผลต่อหน่วยทรัพยากรเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาได้ 8% จากวันที่ 1 เมษายนถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน
นายหลี่ เฉิง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ของ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า "การใช้เทคโนโลยีคลาวด์ทั้งในเชิงลึกและครอบคลุม ในช่วงเทศกาล 11.11 ปีนี้ ตอกย้ำให้เห็นแนวทางการใช้คลาวด์และเทคโนโลยีที่ประสบผลสำเร็จที่สุดของอาลีบาบา ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เทคโนโลยีที่เป็นของตนเอง (self-proprietary technology) ที่ใช้รองรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง และ ผลิตภัณฑ์ด้านดาต้าเบส หรือเทคโนโลยีที่ XR (extended reality) และไลฟ์สตรีมมิ่งต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานจริง เราตั้งเป้านำความสามารถที่ได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพแล้วเหล่านี้ไปใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น และช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในแนวทางที่เป็นนวัตกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น"ประสิทธิภาพสูงขึ้น สิ้นเปลืองทรัพยากรน้อยลงด้วยการใช้นวัตกรรมด้าน cloud-native และ serverlessมหกรรม 11.11 ปีนี้ ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลเฉพาะที่ใช้กับระบบปฏิบัติการ Apsara Cloud ของอาลีบาบา คลาวด์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการอัปเกรดนี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมหาศาลให้กับการประมวลผล การจัดเก็บ และเน็ตเวิร์กในดาต้าเซ็นเตอร์ต่าง ๆ ที่รองรับปริมาณงานในช่วง 11.11 และช่วยลดระยะเวลาในการตอบสนองของเน็ตเวิร์กควบคู่กันไปด้วย เช่น การอัปเกรดใหม่นี้ใช้เทคโนโลยีคลาวด์-เนทีฟ (cloud-native) ช่วยให้การสั่งซื้อ การชำระเงินให้ครบจากสินค้า pre-sale และการคืนเงิน สามารถทำได้ในเวลาเดียวกัน ด้วยความสามารถในการปรับขนาดได้มากขึ้นและระยะเวลาในการตอบสนองที่เร็วขึ้นในช่วงงาน 11.11 ปีนี้ ได้มีการอัปเดตหน้า front page ของแอปพลิเคชัน Taobao ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบาด้วยเทคโนโลยี serverless ล่าสุด ช่วยให้สามารถปรับขนาดการใช้งานได้อัตโนมัติตามปริมาณงานที่เกิดขึ้นจริง ด้วยความยืดหยุ่นเต็มพิกัดผลิตภัณฑ์ด้านดาตาเบสที่เป็นแบบ cloud-native ของอาลีบาบา คลาวด์ ได้เพิ่มความจุให้กับตะกร้าสินค้าของผู้บริโภคมากกว่าสองเท่า จาก 120 รายการเป็น 300 รายการ ทั้งนี้ ApsaraDB for Redis Enhanced Edition (Tair) ซึ่งเป็นบริการฐานข้อมูลในหน่วยความจำที่ทำงานบนคลาวด์สำหรับองค์กรต่าง ๆ สามารถรองรับฟังก์ชันใหม่ ๆ เช่น การจัดกลุ่มและการจัดเรียงผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคจัดระเบียบตะกร้าสินค้าของตนได้ตามต้องการ ทั้งยังสามารถใช้ฟังก์ชัน 'select' เพื่อรับส่วนลดจากร้านค้าต่าง ๆ เพื่อสั่งสินค้าล่วงหน้า และเพื่อใช้บัตรกำนัลต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่คุ้มค่ามากขึ้นฉากธรรมชาติกลางแจ้งสร้างขึ้นจาก 3D renderings ที่พัฒนาขึ้นเอง ที่ทำการเรนเดอร์แสงธรรมชาติ ความเจิดจรัส และธรรมชาติการไหลของน้ำที่สมจริง เพื่อให้แบรนด์สินค้ากีฬาต่าง ๆ เช่น Descente ของญี่ปุ่น ใช้เป็นฉากจัดแสดงผลิตภัณฑ์ล่าสุดในสภาพแวดล้อมที่สดใสมีชีวิตชีวา เทคโนโลยี AR ยังช่วยให้ผู้บริโภคสามารถดูผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในรูปแบบสามมิติ จึงสามารถตรวจสอบข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้อย่างละเอียด หรือลองใช้นาฬิกาและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้แบบเวอร์ชวล หรือสามารถสัมผัสและรู้ว่าเมื่อจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ในบ้านแล้วจะออกมาในรูปแบบใด ให้ความรู้สึกแบบไหน หรือหากกลางเต็นท์สำหรับการตั้งแคมป์กลางแจ้งแล้วจะอยู่ในลักษณะใดการปฏิสัมพันธ์อีกหนึ่งรูปแบบที่เกิดขึ้นใหม่มาจากมาร์เก็ตเพลสที่ขับเคลื่อนด้วย XR บน Tmall และ Taobao มาจากถนนช้อปปิ้งเสมือนจริงที่สร้างขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีในการสร้าง automatic 3D space จากสถาบันวิจัย DAMO Academy ของอาลีบาบา โดยมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 700 รายการ จาก 70 แบรนด์ อยู่บนถนนสายนี้ รวมทั้งแฟรนไชส์ที่ได้รับการยอมรับในนานาประเทศ 30 แห่ง เช่น Hello Kitty ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Sanrio และ Minions ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ของ Hollywood นักช้อปทั้งหลายยังสามารถเลือกรูปอวาตาของตนเอง ตรวจสอบสินค้าและเพิ่มสินค้าเหล่านั้นไว้ในตะกร้าช้อปปิ้งเสมือนจริงของตนได้
ในช่วงเวลา 12 วันของเทศกาลปีนี้ ซึ่งเริ่มจาก 31 ตุลาคม ถึง 11 พฤศจิกายน มีพัสดุเกือบ 2 ล้านชิ้นส่งผ่าน Xiaomanlv ซึ่งเป็นพาหนะขนส่งสินค้าถึงมือลูกค้าของอาลีบาบา จำนวนพัสดุปีนี้เพิ่มขึ้นสองเท่าจากปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน มีการนำหุ่นยนต์ด้านโลจิสติกส์นี้ไปใช้มากกว่า 400 แห่งทั่วประเทศจีน ซึ่งช่วยลดเวลารอคิวจัดส่งพัสดุในเวลาเร่งด่วน
เทศกาล 11.11 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนี้ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
นอกจากโซลูชันคลาวด์คอมพิวติ้งที่ช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ไฮเปอร์-สเกล ดาต้าเซ็นเตอร์ห้าแห่งทั่วประเทศจีนของอาลีบาบา คลาวด์ ยังช่วยเพิ่มปริมาณพลังงานสะอาดที่ใช้ในมหกรรม 11.11 ปีนี้ได้สองเท่าของปีที่ผ่านมา ในมหกรรม 11.11 ปีนี้ อาลีบาบา คลาวด์ ใช้ไฟจากพลังงานสะอาดมากกว่า 32 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น 30% ต่อวันโดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ดาต้าเซ็นเตอร์ Heyuan ของอาลีบาบา คลาวด์ ซึ่งเป็นไฮเปอร์-สเกล ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทคลาวด์ในประเทศจีนตอนใต้ ใช้พลังงานสะอาดทั้งหมด เทคโนโลยี immersion coolingที่พัฒนาขึ้นเองของอาลีบาบา คลาวด์ ช่วยลดการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหลายด้วยประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (PUE) ที่ต่ำถึง 1.09 ซึ่งนับเป็นระดับที่อยู่ในแนวหน้าของโลกอาลีบาบา คลาวด์ ยังทำงานร่วมกับ Tmall เพื่อใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มบริหารจัดการคาร์บอนที่เรียกว่า Energy Expert โดยการจัดทำแบบจำลองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ การคำนวณ และการรับรองต่าง ๆ ผ่านทางออนไลน์ ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ มากกว่า 40 แบรนด์จากหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น กระดาษและเยื่อกระดาษ อาหาร และของใช้ส่วนตัว เพื่อช่วยจัดหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ แจกแจงที่มาของการปล่อยคาร์บอน และปฏิบัติตามแนวทางด้านความยั่งยืนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน###เกี่ยวกับอาลีบาบา คลาวด์อาลีบาบา คลาวด์ (www.alibabacloud.com) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ครบวงจรให้กับลูกค้าทั่วโลก ซึ่งรวมถึง การประมวลผลแบบยืดหยุ่น ดาต้าเบส สตอเรจ บริการเน็ตเวิร์กเวอร์ชวลไลเซชัน การประมวลผลขนาดใหญ่ ระบบความปลอดภัย บริการด้านการบริหารจัดการและแอปพลิเคชัน การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า แพลตฟอร์มแมชชีนเลิร์นนิ่ง และบริการ IoT ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า อาลีบาบารักษาตำแหน่งผู้ให้บริการพับบลิคคลาวด์ด้าน IaaS เป็นลำดับสามจากผู้ให้บริการด้านนี้ทั่วโลกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 นอกจากนี้การ์ทเนอร์ยังจัดอันดับให้อาลีบาบาเป็นผู้นำด้านผู้ให้บริการ IaaS ลำดับสามของโลกและเป็นผู้นำในเอเชียแปซิฟิกเมื่อพิจารณาจากรายได้เป็นเหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561