บมจ. ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ "BIS" เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก มีรายได้จากการขายสินค้า 1,611ล้านบาท เพิ่มขึ้น 207 ล้านบาท คิดเป็น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,404 ล้านบาท เตรียมรุกขยายธุรกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร เสริมศักยภาพกลุ่มไบโอซายน์ สู่การเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร
นายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ "BIS" ผู้นำยา วัคซีน และเวชภัณฑ์สัตว์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2565 "BIS มีรายได้รวม 595.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% จาก ไตรมาส 2 ปีนี้ ที่มีรายได้รวม 502 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปีนี้ ในขณะที่ในไตรมาส 3 ปีก่อน บริษัทฯมีรายได้รวม 495.19 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายสินค้า 1,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 207 ล้านบาท คิดเป็น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 1,404 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 52 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจาก 3 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic) 2.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition) และ 3.ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Ingredient) โดยปัจจุบันสถานการณ์ของภาวะโรค ASF จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามลำดับ แต่จำนวนประชากรสุกรในภาพรวมยังคงน้อยกว่าช่วงก่อนเกิดภาวะโรคดังกล่าว ดังนั้นจึงส่งให้ความต้องการและกำลังซื้อของลูกค้าสำหรับสินค้ากลุ่มรักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health) และกลุ่มอาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับสัตว์ (Complete Feed) ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯได้มียอดขายในกลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มมากขึ้น ทำให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น
นายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ กล่าวว่า "BIS มีแผนขยายธุรกิจที่จะขยายธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากธุรกิจสัตว์เลี้ยงมีการขยายตัวสูง มีอัตรากำไรที่ดี ซึ่งจากผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2565 ธุรกิจสัตว์เลี้ยงของบริษัทฯ มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปีก่อนหน้า และที่สำคัญ BIS มีจุดแข็งด้านบุคลากรที่เป็นสัตว์แพทย์จำนวนมาก และมีเครือข่ายโรงพยาบาลสัตว์และคลินิคสัตว์เลี้ยงกว่า 1,000 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ โดย BIS จะต่อยอดจากความสำเร็จในการจัดจำหน่าย อาหารสัตว์เลี้ยง แบรนด์ Pedigree, Whisgas, ผ่านเครือข่ายโรงพยาบาลสัตว์และคลินิคสัตว์เลี้ยงทั่วประเทศ ให้บริษัท Mars Thailand และไตรมาสนี้ บริษัทฯ จะเริ่มทำตลาดผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯเอง ภายใต้แบรนด์ "Canna BIS" กลุ่มผลิตภัณฑ์แชมพูและมูสผสมสารสกัด CBD สำหรับสุนัข และแมว โดยบริษัทฯได้ร่วมวิจัยพัฒนาร่วมกับ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
โดย "Canna BIS" เป็นผลิตภัณฑ์ผสมสารสกัด CBD ที่มีคุณภาพ ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีสรรพคุณช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงในเรื่องของการลดการอักเสบ โรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ อาการคันเรื้อรัง และอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งโรคมะเร็งในสุนัขและแมวได้อีกด้วย ตอบโจทย์การรักษาและดูแลสัตว์เลี้ยงให้กับสัตวแพทย์และเจ้าของสัตว์เลี้ยง ที่ให้สำคัญกับการดูแลสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีของสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มแรกที่จะออกมาประกอบด้วย 1.แชมพู Canna BIS Hypoallergenic 2.แชมพู Canna BIS Anti-itch และ 3.โฟมอาบน้ำแห้ง Canna BIS
นอกจากนี้ BIS ได้เพิ่มไลน์การผลิตสินค้าใหม่สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition) ประเภท "สารทดแทนน้ำมันในอาหารสัตว์" ภายใต้ชื่อแบรนด์ Lypotech EC ซึ่งเป็นรายแรกในไทย โดยบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTECH) หรือ สวทช. วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับสัตว์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อาหารของสัตว์ และลดต้นทุนการผลิต ซึ่ง Lypotech EC เป็นสารที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบกลุ่มพลังงานของสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตอาหารสามารถลดการใช้น้ำมันพืช น้ำมันปาล์ม ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง และธัญพืชในอาหารสัตว์ได้ จึงสามารถช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนหลักได้เป็นอย่างดี" บริษัทฯ คาดว่า Lypotech EC จะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้า ฟาร์มสัตว์ปีก ฟาร์มสุกร และฟาร์มสัตว์น้ำทั่วประเทศ เนื่องจาก Lypotech EC ผลิตในประเทศไทย ทำให้ราคาแข่งขันกับคู่แข่งที่นำเข้ามาได้
"สำหรับในปีนี้ BIS ตั้งเป้าสร้างผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% รายได้หลักของบริษัทฯ มาจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำของอุตสาหกรรมอาหาร และรายได้บางส่วนจากธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงซึ่งมีการเติบโตค่อนข้างสูง โดยบริษัทฯ พยายามที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้สูงขึ้น และสร้างอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ดี ซึ่งบริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์การผลิตสินค้าแบรนด์ของบริษัทฯ เองแทนการจ้างผลิต เพื่อเพิ่มรายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ วัตถุดิบอาหารสัตว์ และลงทุนในการพัฒนาวัคซีนสำหรับสัตว์เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ทดแทนการนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ และการเพิ่มสินค้าใหม่ที่ช่วยขยายตลาดให้ดียิ่งขึ้น" นายสัตวแพทย์ธนวัฒน์ กล่าว
BIS มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมวัคซีนสัตว์ เพื่อป้องกันโรค โดยร่วมมือกับนักวิจัยจากสถาบันวิจัยชั้นนำของประเทศอาทิ สวทช. ศูนย์ไบโอเท็ค มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัทฯ ยังคงมุ่งพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยโรคในสัตว์และในมนุษย์ เพื่อเสริมสร้างจุดแข็งเดิม ได้แก่ การเป็นผู้นำเข้าวัคซีน ยา เวชภัณฑ์ระดับโลก การมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ทั่วประเทศในอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารสูงติดอันดับโลก และความสำเร็จในการสร้างสรรค์ นวัตกรรมที่สามารถแก้ปัญหาด้านสุขอนามัยของโลก เช่น การผลิตชุดตรวจโควิด-19 แบบ Real time PCR ซึ่งเป็นผู้ผลิตไทยรายแรกที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองมาตรฐาน และการผลิตชุดตรวจโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร หรือ ASF ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างดีเยี่ยมและยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง