กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) ประกาศเปิดตัว RPC GROUP พร้อมเดินหน้าสร้างความแข่งแกร่งในธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องให้เติบโตไปพร้อมกัน ปั๊มเพียว มุ่งสร้างยอดขาย ตั้งเป้าเปิดครบ 100 ปั้ม พร้อมประกาศจำหน่าย “เพียว B5” ส่วนเพียวสัมมากร ตอกย้ำความสำเร็จเพียวเพลส ผุด 2 โครงการ ตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านบาทต่อปี ด้านโรงผลิตไบโอดีเซลคืบหน้ากว่า 80% สิงหาคมนี้พร้อมขายแน่ ด้านธุรกิจ ขนส่ง วางแผนการขนส่งผลิตภัณฑ์เคมี และพลาสติกอื่น ๆ เพิ่มเติม พร้อมให้บริการสู่ต่างประเทศ
นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระยองเพียว ริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPC ผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นเพื่อแปรสภาพคอนเดนเสท เรสสิดิวเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีที่ได้คุณภาพระดับสากล เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2550 ว่าบริษัทฯ และบริษัทในเครือ มีกำไรสุทธิประมาณ 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 217.31 ล้านบาท หรือร้อยละ 119 สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ มุ่งสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยเปิดตัวบริษัทฯ และบริษัทในเครือ ในนามของ “RPC GROUP” พร้อมเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เพื่อสื่อสารการตลาดในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเลียม และปิโตรเคมี อย่างครบวงจร
นายศุภพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า RPC GROUP จะประกอบด้วยบริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นปิโตรเลียม และปิโตรเคมี บริษัท เพียวพลังงานไทย จำกัด ดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน “เพียว” บริษัท เพียวสัมมากร ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าชุมชน “เพียว เพลส” บริษัท เพียวไบโอดีเซล จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตไบโอดีเซล B100 และบริษัท จตุรทิศขนส่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจรถขนส่งปิโตรเลียม และปิโตรเคมี ซึ่งการรวมบริษัทในเครือเป็น RPC GROUP จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจของแต่ละบริษัทในเครือเป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน และมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนแต่ละธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกัน พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุน
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของในส่วนของระยองเพียวในปีนี้ บริษัทฯ จะเริ่มดำเนิน โครงการที่ให้ผลตอบแทนสำหรับอนาคตทางธุรกิจ 2 โครงการ คือ การลงทุนโครงการพลังงาน ทดแทน อาทิ โครงการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล เพื่อนำผสมกับน้ำมันปิโตรเลียมของบริษัทเพื่อนำจำหน่ายต่อไป เป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงปิโตรเลียมจากต่างประเทศโดยใช้ผลผลิตทางการเกษตรภายในประเทศ และโครงการขยายสถานีบริการน้ำมัน เพื่อตอบสนอง ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มผลกำไรของบริษัทฯ จากค่าการตลาด สุดท้ายในรูปของการค้าปลีก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ภายในสถานีบริการ น้ำมันเพื่อจำหน่ายสินค้าและบริการอื่น ๆ ให้ลูกค้าได้รับบริการที่เพิ่มมากขึ้น นายศุภพงศ์ กล่าว
นางสาวกนกพร จารุกุลวนิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพียวพลังงานไทย จำกัด (PTEC) ดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน “เพียว” เปิดเผยแผนขยายตลาดว่า บริษัทฯ มีแผนจะขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน “เพียว” อย่างต่อเนื่องให้ได้ 85 สาขา ภายในปี 2551 จากปัจจุบันที่มีจำนวนสถานีบริการน้ำมัน “เพียว” ทั้งสิ้น 75 สาขา โดยมีเป้าหมายให้ครบ 100 สาขา ด้าน กลยุทธ์ทางการตลาดปีนี้ จะมุ่งเน้นด้านการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า รวมทั้งบริการเสริมอื่นๆ ภายในสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเพิ่มยอดการจำหน่ายด้านค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง และจูงใจให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ โดยมีโครงการนำร่องภายใต้ชื่อว่า “พักอิ่ม” ที่สถานีบริการ น้ำมันเพียว ริมถนนสายเอเชีย กม.200 (ขาล่องเข้ากรุงเทพ) อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ รูปแบบเน้นความรื่นรมย์ สีสันออกม่วง-ชมพู สบายตาและสบายใจ มีสวนหย่อมจัดแต่งสวยงามไว้สำหรับนักเดินทางที่ต้องการผ่อนคลายความเหนื่อยล้า มีห้องน้ำสะอาดไว้บริการ พร้อมมีบริการอาหารอร่อย และของฝากหลากหลาย เมื่อนักเดินทางเข้ามาใช้บริการแล้วประทับใจจะทำให้เกิดการจดจำ ในช่วงนี้สถานีบริการน้ำมันเพียวเปิดรับสมัครผู้ประกอบการที่สนใจพื้นที่ทำธุรกิจภายในสถานีบริการน้ำมันเพียว ด้วยโปรโมชั่นพิเศษช่วยแบ่งเบาภาระผู้ประกอบการด้วยบัตรเติมน้ำมันฟรีสูงสุด 15,000 บาท ภายในกรกฎาคมนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ วางงบแผนโฆษณาและประชาสัมพันธ์ไว้ 10 ล้านบาท เพื่อมุ่งสร้าง แบรนด์สถานีบริการน้ำมัน “เพียว” ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในตราสินค้าให้กับผู้บริโภค โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำมันไบโอดีเซล บี5 ภายใต้ชื่อ "เพียว B5" ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคอีกทางหนึ่ง เนื่องจาก น้ำมัน “เพียว B5” มีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลปกติลิตรละ 70 สตางค์ ซึ่งมีจำหน่ายแล้วที่สถานีบริการน้ำมัน “เพียว” ทั้งหมด 51 สาขา และกำลังดำเนินการให้ครบ 63 สาขาในเร็วๆ นี้ ปัจจุบันมียอดขาย 1 ล้านลิตรต่อเดือน อยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศ โดยบริษัทฯ รับประกันคุณภาพน้ำมัน “เพียว B5” ว่าได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากกระทรวงพลังงาน และมีโครงการ “เพียว รับประกันคุณภาพ ยินดีซ่อมฟรี หากเกิดปัญหาจาการใช้ นางสาวกนกพร กล่าว
นายสุชาติ เห็นสว่าง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพียวสัมมากร ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (PSDC) ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าชุมชน “เพียว เพลส” เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2551 ว่า ศูนย์การค้าชุมชน “เพียวเพลส” รังสิต คลอง 2 ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่ขับรถเข้ามาใช้บริการ เฉลี่ยประมาณ 1.6-2 พันคัน/วัน ในระยะเวลากว่า 1 ปีที่เปิดให้บริการมา ดังนั้น บริษัทฯ จึงพิจารณาเปิดสาขาใหม่อีก 2 โครงการภายในปีนี้ ได้แก่ โครงการแรกบริเวณ ซ.รามคำแหง 101 บนพื้นที่ 15 ไร่ งบลงทุน 300 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “แฟมิลี่ ไลฟ์สไตล์ มอลล์” และโครงการที่ 2 ตั้งอยู่บนถนนราชพฤกษ์ บนพื้นที่ 10 ไร่ งบลงทุน 200 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการใช้พื้นที่ให้เป็นศูนย์การค้า และสถานีบริการน้ำมันเหมือนกับสาขารังสิต คลอง 2 หรือในรูปแบบ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งจะเป็นศูนย์การค้าขนาดเล็กที่มีร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ความบันเทิงครบครันทั้งในส่วนของโรงภาพยนตร์ และโบว์ลิ่ง หรือในรูปแบบของ เพาเวอร์ เซ็นเตอร์ เป็นการแยกส่วนการขายสินค้าเป็นหมวดหมู่อาคาร ฟิตเนส-สปอร์ต และของกินของใช้ โดยจะก่อสร้างในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ และพร้อมเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน ปี 2552
“บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2551ไว้ประมาณ 25 ล้านบาท/ปี หรือประมาณ 2 ล้านบาท/เดือน เมื่อมีโครงการขยายโครงการใหม่ 2 โครงการแล้วบริษัทจะมีรายได้ มากกว่า 100 ล้านบาท/ ปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายธุรกิจจากธุรกิจศูนย์การค้าชุมชนสู่การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้เช่า ได้แก่ หอพัก เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และอาคารสำนักงาน เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต และเพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เต็มประสิทธิภาพอีกด้วย” นายสุชาติ กล่าว
นายบรรลือ ศรีโปดก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพียวไบโอดีเซล จำกัด (PBC) ดำเนินธุรกิจผลิตไบโอดีเซล B100 กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2551 ว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นเพื่อผลิตไบโอดีเซล (B100) สำหรับใช้ผสมในน้ำมันดีเซลตามนโยบายที่รัฐกำหนด และเป็นพลังงานทดแทนจากผลิตผลทางการเกษตรภายในประเทศ เพื่อลดการนำเข้าเชื้อเพลิงปิโตรเลียมจากต่างประเทศ ซึ่งในขณะนี้โรงงานได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จไปแล้วกว่า 80% คาดว่าจะเริ่มทดลองการผลิตในเดือนกรกฎาคม 2551 และจะเริ่มจำหน่ายในเดือนสิงหาคม 2551 ภายหลังจากที่มีการจำหน่ายจริงคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 200 ล้าน บาทต่อเดือน และมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 300,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งในอนาคตอาจเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้น้ำมัน B2 และ B5 และเป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐ และปริมาณวัตถุดิบที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล B100 จะจำหน่ายให้กับระยองเพียว และโรงกลั่นน้ำมันรายอื่นๆ รวมถึงส่งออกต่างประเทศอีกด้วย
นายสมศักดิ์ คีตสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จตุรทิศ ขนส่ง จำกัด (JTC) ดำเนินธุรกิจการขนส่งปิโตรเลียม และปิโตรเคมี เปิดเผยว่า ในปี 2550 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจ 11 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายในปีนี้จะมีกำไรประมาณ 16 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2551 จะเพิ่มการขนส่งให้มากยิ่งขึ้น จากเดิมขนส่งแต่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม คือ น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป ไบโอดีเซล และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่นๆ โดยจะขยายการ ขนส่งไปยังผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม เคมี และพลาสติกอื่นๆ เพิ่มเติม โดยไม่จำกัดการให้บริการเฉพาะภายในประเทศเท่านั้นแต่จะขนส่งไปต่างประเทศด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ให้บริการกับลูกค้าในการขนส่งสินค้าเข้าไปในเขตประเทศลาว ตลอดจนแนวชายแดนกัมพูชา และพม่า โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้จัดซื้อรถพร้อมแทงค์น้ำมันเพิ่มเติม เป็นรถ 10 ล้อ จำนวน 7 คัน และรถหางพ่วง จำนวน 5 คัน ซึ่งจะพร้อมใช้งานในเดือนพฤษภาคม 2551 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรถร่วมที่อยู่ในสังกัดของบริษัทอยู่จำนวนมาก รวมเป็นจำนวนรถเกือบร้อยคัน ทำให้บริษัทพร้อมให้บริการกับ ลูกค้าได้อย่างเพียงพอ
บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2000 ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพการให้บริการที่ได้มาตรฐานตามนโยบายคุณภาพของบริษัทฯ และสอดคล้องกับปรัชญาหลักของบริษัทคือ “ซื่อสัตย์ ฉับไว ปลอดภัย ได้มาตรฐาน” ซึ่งบริษัทฯ ยึดมั่นการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่ถูกต้อง ทั้งปริมาณ และคุณภาพ ทันกำหนดเวลา อย่างปลอดภัย โดยรถขนส่งทุกคันของบริษัทจะติดตั้งเทคโนโลยี GPS เพื่อติดตาม ตรวจสอบตำแหน่งของรถได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งมีมาตรการในเรื่องความปลอดภัยในการขนส่ง โดยการตรวจสอบสมรรถนะของรถ และตรวจสอบคุณภาพพนักงานขับรถขนส่ง ทั้งในช่วงก่อนออกรถ และการสุ่มตรวจเป็นระยะๆ ในระหว่างการเดินทาง เพื่อสร้างความมั่นใจ และประทับใจในการให้บริการ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ขวัญพัฒน์ ตั้งเจิดจรัส หรือเกศสิรินทร์ กุหลาบสวัสดิ์
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร. 02693-7835-8 ต่อ 23-24 มือถือ 081-503-5300, 081-632-9556