บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRU ผู้ผลิตชิ้นส่วนและจัดจำหน่ายรถยนต์อเนกประสงค์สัญชาติไทย ที่ดำเนินกิจการคู่คนไทยมานานกว่า 55 ปี และปัจจุบันถือเป็นบริษัทชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมยานยนต์ด้านการประกอบรถยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2565 ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 830 ล้านบาท โตขึ้น 79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้มีกำไรสุทธิสูงถึง 131 ล้านบาท โตขึ้นกว่า 965% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งมีรายได้สะสมรวม 9 เดือนแตะ 2,278 ล้านบาท โตขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไร 305 ลบ เติบโต 472%
ปัจจุบันรายได้หลักของ TRU กว่า 70% มาจากธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
1.) งานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ โดยรายได้จากส่วนนี้โตขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
2.) งานรับจ้างประกอบและทำสี เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ
3.) งานผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์อเนกประสงค์
ในขณะที่รายได้ราว 30% มาจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจเครื่องจักรกลอุตสาหกรรม (Industrial machinery) ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ยังคงเติบโตและสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง
คุณพัฒนศรณ์ เผอิญโชค ผู้บริหารด้านพัฒนาธุรกิจและการลงทุน กล่าวว่า "ผลการดำเนินงานสามไตรมาสที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ และช่วยส่งให้บริษัทฯ เทิร์นอะราวด์ได้อย่างแข็งแกร่ง เป็นผลมาจากปรับตัวของบริษัทและภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่ง TRU ในฐานะผู้ประกอบชิ้นส่วนยานยนต์สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายและครบวงจรในธุรกิจชิ้นส่วนและยานยนต์ เมื่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ กลับมาฟื้นตัว ประกอบกับการได้รับงานใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำให้เราได้อานิสงส์บวกด้วย"
"ด้านการพัฒนาธุรกิจ TRU มีความพร้อมและอยู่ระหว่างการหารือสำหรับโอกาสในการประกอบยานยนต์ และเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมกับลูกค้าต่างๆ ด้วยประสบการณ์กว่า 55 ปี เรามีความเชี่ยวชาญในการประกอบตัวถังยานยนต์ และมีบ่อชุบสีกันสนิม (EDP) ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและการส่งมอบให้กับลูกค้า"
"ทั้งนี้ทาง TRU ได้มีแผนธุรกิจเชิงรุก รวมถึงสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งเพื่อสรรหาโอกาสในการสร้างนวัตกรรมยานยนต์รูปแบบใหม่และคำนึงถึงเรื่อง ESG เป็นสำคัญอีกด้วย ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าธุรกิจภายใต้โครงสร้างของ TRU จะมีสีสันมากขึ้นภายในปี 2566"