'บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น' หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ "Moshi Moshi" โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ เดินหน้าขับเคลื่อนเทรนด์รับโอกาสหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว ชูจุดแข็งด้านคุณภาพในราคาเข้าถึงได้ พร้อมให้ความสำคัญในการพัฒนาและออกแบบสินค้าตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าในชีวิตประจำวัน
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHI เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยซึ่งขายสินค้าหลากหลายประเภทครอบคลุมตั้งแต่ เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องเขียน กระเป๋า และของใช้แฟชั่น เป็นต้น ทำให้ธุรกิจประเภทดังกล่าวมีอัตราการเติบโตในระดับสูงกว่าธุรกิจค้าปลีกทั่วไป โดย MOSHI มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2559 เป็นร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ที่นำเสนอสินค้าที่คุ้มค่า มีดีไซน์สวยงาม ทันสมัย และหลากหลายอยู่เสมอ รวมทั้งมีการตกแต่งร้านค้าให้น่าสนใจและมีสินค้าใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าอยู่เสมอ แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ธุรกิจค้าปลีกได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้มีการปิดร้านค้าชั่วคราวตามห้างสรรพสินค้า และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง MOSHI จึงได้มุ่งเน้นช่องทางขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นและได้มีการปรับเปลี่ยนการขายสินค้าให้เข้ากับสถานการณ์ เช่น หน้ากาก ชุดตรวจ ATK เป็นต้น ทำให้บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรสุทธิได้ต่อเนื่อง และในช่วงไตรมาสที่ 4/2564 ธุรกิจร้านค้าปลีกกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ การทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการที่ภาครัฐและผู้ประกอบการต่างออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย
ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า (2564-2569) คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับ 20.4% ต่อปี ตามทิศทางเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปัจจัยจากการเปิดให้บริการของศูนย์การค้า โรงเรียนและสถานที่ทำงานอย่างเต็มรูปแบบ และภาคการท่องเที่ยวซึ่งปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (Economic Sentiment) กำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกแก่ตลาดค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ได้รับผลประโยชน์จากปัจจัยและกลไกสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวไปด้วย รวมถึงการขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) ที่ส่งผลให้กำลังซื้อของชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นอีกด้วย (อ้างอิงข้อมูลจาก Frost & Sullivan)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ "เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเน้นคุณภาพ สรรสร้างการออกแบบที่เป็นเลิศในราคาที่แข่งขันได้ และคงไว้ซึ่งความนิยมของผู้บริโภคเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ MOSHI เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า" ด้วยประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้ MOSHI เติบโตอย่างรวดเร็วจนก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2562 และในปี 2564 มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งสูงถึง 37.6% และยังมีสาขาครอบคลุมจำนวนจังหวัดมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีร้านค้าใน 41 จังหวัด โดยปัจจุบันมีสาขาของ MOSHI ทั้งสิ้น 100 สาขา ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 นอกจากนี้ ยังมีช่องทางการขายสินค้าผ่านออนไลน์แพลตฟอร์ม (Online Platform) ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Shopee และ Lazada รวมถึงร้านป๊อปอัพ สโตร์ (Pop-up Store) ซึ่งเป็นร้านค้าที่จัดขึ้นชั่วคราวบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
"เรารู้ความต้องการของผู้บริโภคที่ส่วนใหญ่ยังนิยมที่จะเยี่ยมชมสินค้าที่ร้านค้า เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้า สินค้าของ MOSHI เป็นสินค้าที่เน้นคุณภาพ ดีไซน์ สีสันหลากหลาย และราคาไม่แพง มีการนำ Visual Merchandise หรือการจัดแสดงสินค้าภายในร้านมาใช้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการขาย ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ และเพิ่มประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้า อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการขายสินค้ามากขึ้น มีสินค้า Exclusive ที่ออกแบบเฉพาะเพื่อจำหน่ายในร้าน Moshi Moshi เท่านั้น การวางขายสินค้าใหม่เป็นประจำทุกเดือน ส่งผลให้ลูกค้าจะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ไปซื้อของในร้าน Moshi Moshi เพราะคาดหวังว่าจะมีสินค้าใหม่อยู่เสมอ ซึ่งตัวผลิตภัณฑ์ของ Moshi Moshi ในหลายๆ ประเภทได้รับกระแสความนิยมอย่างมากและเป็นที่กล่าวถึงในโซเชียลมีเดียแบบไวรัล (Viral) เป็นระยะๆ ด้วยการตอบรับของผู้บริโภคนี้ ทำให้บริษัทฯ มีการขยายการให้บริการโดยการเพิ่มจำนวนสาขาครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค" นายสง่า กล่าว
บริษัทฯ มีกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) รายใหญ่ของประเทศไทย ได้แก่ 1.) ขยายเครือข่ายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพ 2.) เพิ่มการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม (Same Store Sales Growth: SSSG) 3.) เพิ่มความสามารถในการเติบโตของกำไรโดยการพัฒนาสินค้า และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ 4.) ลงทุนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ต่อยอดความสัมพันธ์กับลูกค้า และรองรับการเติบโตในอนาคต 5.) พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า และธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า และต่อยอดธุรกิจเพื่อการเติบโตในอนาคต และ 6.) พัฒนาทรัพยากรบุคคลในแต่ละสาขาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานขายหน้าร้านและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
นางสาวศุภรดา โรจน์วัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI กล่าวว่า บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญด้านการพัฒนาและออกแบบสินค้าเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและเทรนด์ในการใช้สินค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและออกแบบสินค้าใหม่ที่หลากหลายทั้งประเภทสินค้า รูปแบบและลวดลายให้น่าสนใจและมีเอกลักษณ์ รวมถึงจุดแข็งด้านคุณภาพในราคาเข้าถึงได้ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในชีวิตประจำวัน สร้างความประทับใจและเพิ่มประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้ารับกับโอกาสการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ที่สนับสนุนให้มีความต้องการในการซื้อสินค้าไลฟ์สไตล์กลับมาเพิ่มขึ้น
แม้ว่ารายได้ของบริษัทฯ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จะปรับตัวลดลง แต่บริษัทฯ ได้มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยรวมถึงการปรับ Product Mix ให้เข้ากับสถานการณ์ จึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ เชื่อว่าจากการที่สถานการณ์ในปัจจุบันเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางบวก ทั้งการกลับมาเข้าเรียนในโรงเรียน การกลับเข้ามาทำงานที่สถานที่ทำงาน และการเฉลิมฉลองในงานเทศกาลต่างๆ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์