วันนี้ นักดนตรี นักแสดง YouTuber เชฟ ครู หมอ พยาบาล นักธุรกิจ ฯลฯ ได้กลายเป็นอาชีพในฝันลำดับต้นๆ ของเด็กและเยาวชนไทย เมื่อต้องตอบคำถามว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร? แต่การที่จะไปให้ถึงฝันพวกเขายังต้องการทักษะในด้านต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ใช่ด้านวิชาการและไม่สามารถหาได้ในชั้นเรียน โดยเฉพาะทักษะวิชาชีพต่างๆ
กิจกรรม "BKK-เรนเจอร์ x ปิดเทอมสร้างสรรค์ อัศจรรย์วันว่าง" The Miracle Playground @Siam : DREAM & DO จึงเกิดขึ้นโดย สสส. ร่วมกับ กทม. นำเอาข้อค้นพบจากงานวิจัยที่ค้นหาความต้องการเรียนรู้ในวันว่างของเด็กและเยาวชนไทย มาต่อยอดเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อชักชวนให้ทุกภาคส่วนในสังคมไทยได้เห็นถึงความสำคัญของของวันว่างที่มีมากกว่า 150 วันในแต่ปี พร้อมชักชวนให้ทุกฝ่ายให้มาร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีกิจกรรมหลากหลาย สอดคล้องตามความสนใจ เพื่อปูทางสร้างทักษะชีวิตและทักษะอาชีพเพื่อสร้างอนาคตให้เด็กและเยาวชนไทย
ด้วยการเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้มีทางเลือกในการทำกิจกรรมนอกเวลาเรียน ค้นหาความถนัด เปลี่ยนวันว่างให้กลายเป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ ที่สามารถต่อยอดพัฒนาเป็นทักษะอาชีพ พร้อมเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้พบปะแลกเปลี่ยนมุมมองกับไอดอลในสาขาอาชีพต่างๆ สร้างแรงบันดาลใจการลงมือทำในสิ่งที่ชอบ ที่สามารถพัฒนาสู่อาชีพในฝันโดยใช้แค่วันว่างให้เกิดประโยชน์
โดยเฉพาะการเป็น YouTuber ก็มีคำแนะนำดีๆ จาก "พี่เหว่ง" ภูศณัฎฐ์ การุณวงศ์วัฒน์ และ "พี่เติ๊ด" ภูถิรพัฒน์ อ่องศรี คอนเทนต์ครีเอเตอร์ชื่อดังจาก "ช่องเทพลีลา" เจ้าของรางวัล Best YouTuber ผู้ผลิตคอนเทนต์สร้างสรรค์เพื่อเยาวชน มาแนะนำไอเดียในการสร้างสรรค์ผลงานบนโลกออนไลน์ บนแพลทฟอร์มต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ โดยทั้งคู่กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า?ให้เริ่มต้นที่ความชอบ
เทพลีลาเราเริ่มต้นครั้งแรกจากสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราสนใจ เป็นสิ่งที่เราทำแล้วรู้สึกสนุก เราคุยเรื่องนี้กันแล้วมันสนุกดี ก็เริ่มจากตรงนั้น จนปัจจุบันก็ยังเป็นสิ่งที่เราสนุกกับมัน และเป็นสิ่งที่เราอยากจะบอกหรือสื่อสารอะไรออกไปกับสังคม ซึ่งการเริ่มต้นที่ดีที่สุดก็คือเริ่มต้นจากสิ่งที่เราชอบก่อน" พี่เติ๊ดกล่าว
"ถ้าอยากมีช่อง เริ่มต้นง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเรื่องของอุปกรณ์ เอาความสนใจของเราเป็นตัวตั้ง เรามีแรงบันดาลใจอะไร มี passion สนใจเรื่องอะไร เราก็จะอยู่กับมันได้นาน ง่ายที่สุดก็คือ มือถือแค่นี้ก็สามารถทำคอนเทนต์บน tiktok ได้แล้ว แล้วก็ทำเลยไม่ต้องรอช้าเท่านั้นเอง" พี่เหว่งแนะนำ
"จริงๆ ถ้าอยากจะเป็น content creator ให้เริ่มทันที ความยากของมันมาจากการที่เราไม่ได้เริ่มต้นสักที การเริ่มทำคอนเทนต์ดีที่สุดก็คือเริ่มจากสิ่งที่เราสนใจ สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่อยากทำ สิ่งที่เราทำแล้วเรารู้สึกสนุกกับมัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเริ่มเลย" พี่เติ๊ดย้ำ
เมื่อใครๆ ก็สามารถเป็น Youtuber ได้ แต่ทำอย่างไรที่จะทำให้พื้นที่ออนไลน์ในช่องทางต่างๆ เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ มีเนื้อหาสาระที่มีประโยชน์ ได้รับความชื่นชนจากผู้ชม ที่มีคุณค่ามากกว่าเป็นแค่ความสนุกแต่สร้างผลกระทบและความเดือดร้อนให้กับตนเองและผู้อื่นๆ
"วุฒิภาวะที่ดีหรือสิ่งแวดล้อมที่ดีจะสร้างทัศนคติที่ดี ดังนั้นในเรื่องนี้ครอบครัวจึงมีความสำคัญมาก เพราะเด็กมีวุฒิภาวะต่างกัน บางครั้งที่เขาดูโซเซียลเยอะๆ ก็จะแยกไม่ออกว่าอะไรดีไม่ดี ค่านิยมที่อยากให้คนมาดูเยอะๆ เพราะอยากมีพื้นที่แสดงตัวตน ก็ไปเลือกที่ในสิ่งที่ไม่ดีที่มันทำง่ายแทน ดังนั้นครอบครัวต้องเป็นที่พึ่งที่ดีให้กับเขา เพื่อให้มีภูมิต้านทานที่ดีในการคัดกรอง แยกแยะว่าอะไรดีอะไรไม่ดีได้" พี่เหว่งระบุ
"เรื่องเนื้อหาที่ไม่ดีคงต้องเริ่มจากตัวของ influencer เอง เวลาที่เราทำคอนเทนต์อะไรก็ตามขอให้คิดเสมอไว้ว่าเราเองก็เป็นสื่อ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีคนมองและชื่นชอบเราอยู่ น้องๆ พอเห็นแล้วอาจคิดว่านี่คือสิ่งที่ดี สิ่งที่สนุก แล้วก็อยากจะทำบ้างจนสร้างความเดือดร้อน ดังนั้นถามตัวเองดีๆ ว่าสิ่งที่ทำๆ ให้ตัวเองเดือนร้อน คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า และคิดถึงคนที่ดูเราว่าเราได้ส่งสารที่ดีออกไปหรือเปล่า" พี่เติ๊ดแนะนำ
"สารที่บอกว่าดี ไม่ได้หมายความว่าน้องๆ จะต้องสร้างคอนเทนต์สร้างสรรค์สังคมอะไรแบบนั้น แต่เป็นการส่งความสุขออกไป บางครั้งคอนเทนต์เราอาจจะไร้สาระเลยก็ได้ ชอบศิลปะก็ทำด้านศิลปะ ชอบวิทยาศาสตร์ ชอบดนตรีก็ทำได้ ชอบหุงข้าวก็ยังทำได้ ถ้าคนดูเค้ารู้สึกมีความสุข ดูแล้วสนุกจัง นั่นก็คือว่าเป็นคอนเทนต์ที่ดีแล้ว" พี่เหว่งกล่าว
"ครั้งแรกๆ ที่เราทำอะไรออกไป ให้คิดไว้แต่แรกเลยว่ามันจะไม่มีคนดูในช่วงแรก แต่นั่นจะเป็นบทเรียนให้เราเรียนรู้ว่าจะต้องปรับอย่างไร ปรับไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวที่จะเริ่ม อย่าไปคาดหวังว่าคลิปแรกจะมีคนดูเยอะที่สุด" พี่เติ๊ด ให้กำลังใจน้องๆ ที่กำลังอยากเป็น Youtuber
พร้อมกันนี้ทั้ง "พี่เหว่ง" และ "พี่เติ๊ด" ยังฝากข้อคิดให้กับน้องๆ ที่สนใจในสายอาชีพนี้ว่า โลกออนไลน์นั้นเป็นดาบสองคม ถ้าเราสามารถใช้อย่างถูกต้องมันก็จะมีประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอย่างมหาศาล แต่ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดมันก็จะมีโทษและเกิดผลกระทบต่อตนเองและคนอื่นๆ มากเช่นกัน
"ไม่ว่าเริ่มด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ให้คำนึงด้วยว่าเรากำลังจะกระโดดเข้าไปเป็นสื่อ อยากให้น้องๆ คิดในมุมนี้นิดหนึ่งว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ทำร้ายใครหรือเปล่า หรือทำร้ายตัวเองหรือเปล่า" พี่เติ๊ดชี้แนะ
"เวลาที่เราอยู่ในโซเซียล จะมีคนพูดถึงเราทั้งดีและไม่ดี ในวันนี้อยากจะให้น้องๆ คุยกันได้ ติได้ ชมได้ แต่อย่างด่ากันด้วยความรุนแรง ในบางครั้งที่มันรุนแรงเกินไป ก็ทำให้เกิดความเครียด ซึมเศร้า ท้อแท้ ซึ่งตอนนี้ก็กลายเป็นโรคนี้กันเต็มไปหมด ความรุนแรงไม่ได้ช่วยอะไร แล้วน้องๆ ที่จะเข้ามาอยู่ตรงนี้จะต้องเจอทุกคน ดังนั้นเราจะมีเกราะป้องกันตัวเองให้รอดพ้นจากภาวะเหล่านี้ได้อย่างไร" พี่เหว่งฝากข้อคิด
"สสส.เราสำรวจพบว่าสิ่งที่เด็กๆ ชอบที่สุดก็คือการได้ทำสิ่งที่รัก ที่ชอบ ที่อยากทำในวันหยุด แล้วเด็กยุคนี้เองเมื่อโตขึ้นอยากเป็นอะไร ก็มีคำตอบที่เป็นพื้นฐานของวิชาชีพต่างๆ ที่เห็นชัดเจน หลายคนอยากเป็นนักธุรกิจ ทำธุรกิจออนไลน์ อยากเป็นChef อยากเป็น YouTuber อยากเป็นนักแสดง ซึ่งสิ่งต่างๆ ในยุคปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นสิ่งที่จะติดตัวและใช้ในชีวิตของเขาในระยะยาวต่อไป" ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวสรุป.