"บมจ. เอสจี แคปปิตอล (SGC)" ประกาศเคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 3.90 บ. เตรียมเปิดจองซื้อสำหรับผู้ถือหุ้นของ บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น วันที่ 21 - 25 พ.ย. และเปิดจองซื้อสำหรับประชาชนทั่วไป วันที่ 29 - 30 พ.ย. และวันที่ 1 - 2 ธ.ค.นี้ พร้อมเดินหน้ากางแผนธุรกิจในงานโรดโชว์ สรุปการเสนอขายหุ้น IPO 820 ล้านหุ้น สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ชูโรงสินเชื่อรถทำเงินโตก้าวกระโดด และเดินหน้ามุ่งสู่ผู้นำในธุรกิจสินเชื่อและสินเชื่อเช่าซื้อ ที่ครองใจลูกค้าทั่วประเทศ
ล่าสุด SGC ลงนามในสัญญาการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชน (IPO) โดยแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม พร้อมด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยมี บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะปรึกษาทางการเงินร่วม
นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นับเป็นอีกก้าวความสำเร็จและความภาคภูมิใจ ของ SGC ในฐานะผู้ให้บริการด้านสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ทางการเงินชั้นนำของประเทศไทย ที่ต่อยอดมาจาก บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) พิสูจน์ด้วยผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะสินเชื่อประเภทให้เช่าซื้อรถยนต์แบบโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ภายใต้แบรนด์ "รถทำเงิน" มีการเติบโตก้าวกระโดด โดยเฉพาะประเภทรถบรรทุก และการขยายไปยังธุรกิจการให้สินเชื่อต่างๆ อย่างครอบคลุม
การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ จึงถือเป็นหนึ่งในแผนงานสำคัญของ SGC ที่จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ วางเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าลูกหนี้พอร์ตสินเชื่อทะยานสู่ 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 จาก ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 มีมูลค่าลูกหนี้ 15,102 ล้านบาท สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน เล็งเห็นโอกาสจากการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในครั้งนี้ ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ SGC จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 820 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยมี SINGER ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนก่อน IPO 100% จะยังคงถือหุ้น SGC หลัง IPO ในสัดส่วนที่ประมาณ 74.92%
นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า SGC ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่ราคา 3.90 บาทต่อหุ้น มูลค่าการเสนอขายรวม 3,198 ล้านบาท กำหนดเปิดจองซื้อให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-Emptive Rights) ในอัตราส่วน 1.4326 หุ้นสามัญของบริษัทต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SGC ระหว่างวันที่ 21 - 25 พฤศจิกายนนี้ ส่วนประชาชนทั่วไป และบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ สามารถจองซื้อหุ้น IPO ได้ในวันที่ 29 - 30 พฤศจิกายน และวันที่ 1 - 2 ธันวาคมนี้ โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลางเดือนธันวาคมนี้ ในหมวดธุรกิจ เงินทุนและหลักทรัพย์ ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "SGC"
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 3.90 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 16.4 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565) ทั้งนี้ พิจารณานำ P/E เฉลี่ยของบริษัทเทียบเคียงในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของ P/E เท่ากับ 24.9 เท่า
นางวันทนา เพชรฤกษ์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัท หลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวเสริมว่า SGC จะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเพื่อรองรับลูกค้ารายใหม่ และนำเงินทุนบางส่วนไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ จำนวนเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจ และข้อจำกัดด้านต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ (บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) จำนวนเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท คาดว่าจะชำระคืนภายในไตรมาส 3 ปี 2566 จึงมั่นใจว่า การระดมทุนครั้งนี้ จะสนับสนุนความน่าสนใจให้ SGC มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในอนาคตและมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า SGC อยู่ระหว่างการนำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ชูปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตภายหลังจากการเข้าระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งแหล่งเงินทุนให้ SGC ด้วยกลยุทธ์ การมีพนักงานขายในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรถทำเงินเป็นมืออาชีพ รวมถึงการสรรหาพนักงานขายจากคนในพื้นที่ พร้อมทั้ง นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพิ่มขีดความสามารถการให้บริการเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น ควบคู่การคุมรักษาคุณภาพลูกหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง มีเครือข่ายดีลเลอร์ (Dealer) และตัวแทน (Agent) ในกลุ่มสินเชื่อรถทำเงินที่หลากหลายจำนวน 1,859 ราย และการเข้าถึงลูกค้าผ่านเครือข่ายสาขาและสาขาแฟรนไชส์ของบริษัทในเครือที่มีอยู่กว่า 4,154 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศไทย เป็นจุดแข็งที่ทำให้ SGC สามารถครองใจลูกค้า และมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมสร้างโอกาสการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
ในด้านผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 SGC รายได้รวมอยู่ที่ 1,665 ล้านบาท เติบโต 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ย ประกอบด้วย รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถทำเงิน 46% และรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร สัดส่วน 51% ที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ยสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน และดอกเบี้ยสินเชื่อผ่อนทองและสินเชื่ออื่นๆ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 467ล้านบาท พร้อมด้วยการควบคุมลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับต่ำที่ 3.7 %