"บมจ.ทานตะวันอุตสาหกรรม หรือ THIP" ประกาศงบไตรมาส 3/2565 มียอดรับรู้รายได้ที่ 1,099 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.3% และมีกำไร 107.3 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.37% แม้ในไตรมาสสามนี้จะมีปัจจัยลบเข้ามากระทบจากราคาวัตถุดิบหลักที่สูงขึ้น ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และการอ่อนค่าของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจกระทบในวงกว้าง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงบริหารธุรกิจได้ดี เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ล่าสุดติดโผรายชื่อหุ้นยั่งยืน ประจำปี 2565 ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน
นางพจนารถ ปริญภัทร์ภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์คุณภาพระดับสากล เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัท ในงวดไตรมาส 3/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 107.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.37% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 104.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.19 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2564 ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.16 บาทต่อหุ้น ขณะที่รายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 1,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.3% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวมจากการขาย 970.5 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นคิดเป็น 17.96% ของยอดขาย ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 21.13%
"ยอดขายโดยรวมมีการเติบโต ทั้งจากในและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายลง มีการเติบโตของยอดขายในประเทศ 39.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37.1% ซึ่งมาจากกลุ่มถุงและกลุ่มหลอดดูดเครื่องดื่ม ด้านการส่งออกต่างประเทศเพิ่มขึ้น 88.6 ล้านบาท หรือ 10.3% ส่วนใหญ่เติบโตขึ้นจากความต้องการของลูกค้าในตลาดเอเชีย และออสเตรเลียที่มีเพิ่มมากขึ้น" นางพจนารถ กล่าว
สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2565 มีรายได้รวมจากการขาย 3,262.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 563.8 ล้านบาท หรือ 20.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไร 327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"บริษัทฯ ดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารต้นทุนอย่างยั่งยืน ประกอบกับการส่งเสริมขีดความสามารถการแข่งขันทางการตลาด ในทุกด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และขยายธุรกิจในอนาคต" นางพจนารถ กล่าว
ล่าสุด "ทานตะวันอุตสาหกรรม" ยังได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้อยู่ในรายชื่อ หุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2565 ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการประกอบกิจการบนพื้นฐานของความยั่งยืน ครบทุกมิติทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และการมีธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ควบคู่ไปกับการสร้างผลประกอบการทางการเงินที่ดี ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นเครื่องยืนยันถึงการให้ความสำคัญกับการพัฒนายั่งยืนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย