"บมจ.ริชสปอร์ต หรือ RSP" โชว์ผลงาน Q3 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.7 ลบ. เติบโต 150 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้อยู่ที่ 303.3 ลบ. หนุนผลงาน 9 เดือน กำไรสุทธิอยู่ที่ 61.1ลบ. เติบโตอลังการมากถึง 1,026% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ชี้แนวโน้ม Q4/65 ไฮซีซันธุรกิจ หลังรัฐบาลเปิดประเทศ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในประเทศ พร้อมใส่เกียร์ลุยหนุนรายได้ปีนี้โตเกิน 15%
นางสาวพาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าชั้นนำจากต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 9.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 19.4 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้จากการขาย 303.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 128 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้มากขึ้น นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีการวางแผนกลยุทธ์ทางการขายและการตลาดให้สอดคล้องกับกำลังซื้อที่อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น
"ไตรมาส 3/65 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น ภาคการท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับตัวดีขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาสนี้เพิ่มมากขึ้น 137%" นางสาวพาพิชญ์ กล่าว
สนับสนุนผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 61.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,026% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 6.6 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 871 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 574.5 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ 51.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.9% มีอัตรากำไรขั้นต้นรวม 471 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72% รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 47.8 เป็นร้อยละ 54 ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดกการกิจกรรมส่งเสริมการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนแนวโน้มธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2565 บริษัทฯ คาดว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดี หลังรัฐบาลมีการเปิดประเทศ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในประเทศ สนับสนุนยอดขายปีนี้เติบโตเกินกว่า 15% จากปีก่อนได้ตามแผน ประกอบกับบริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตจากการเพิ่มยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ซึ่งปัจจุบันมีสาขาภายใต้การบริหารรวม 216 สาขา และการขยายผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการทำการตลาด โดยมุ่งเน้นการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย (Social Media) เป็นสื่อในการโปรโมทสินค้าและสร้างการรับรู้เอกลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย