'สินิตย์' เผยผลประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-สหราชอาณาจักร ที่ราชอาณาจักรกัมพูชา เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 เห็นชอบแผนการดำเนินงานสำคัญ 11 ด้าน อาทิ นวัตกรรมดิจิทัล การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย การบริการทางการเงิน ส่งเสริมบทบาททางเศรษฐกิจของสตรี พร้อมยกระดับการค้าการลงทุน มุ่งขยายตัวภาคธุรกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองฝ่าย
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ให้เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-สหราชอาณาจักร ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีนายเกร็ก แฮนด์ส รัฐมนตรีด้านนโยบายทางการค้าของสหราชอาณาจักร เป็นประธานร่วม
นายสินิตย์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ สะท้อนถึงความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหราชอาณาจักรในฐานะประเทศคู่เจรจาของอาเซียน ครบรอบ 1 ปี โดยที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความพยายามที่จะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคภายหลังสถานการณ์โควิด-19 และได้เห็นชอบแผนการดำเนินงานอาเซียน-สหราชอาณาจักร โดยมีสาขากิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญ 11 ด้าน อาทิ นวัตกรรมดิจิทัล การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย การบริการทางการเงิน และการส่งเสริมบทบาททางเศรษฐกิจของสตรี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ในปี 2564-2565 โดยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหราชอาณาจักรที่ต้องการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน รวมถึงยกระดับการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวของภาคธุรกิจ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนของทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2565) การค้าระหว่างอาเซียนและสหราชอาณาจักร มีมูลค่า 14.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอาเซียนส่งออกไปสหราชอาณาจักร มูลค่า 8.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากสหราชอาณาจักร มูลค่า 5.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศคู่ค้าสำคัญของสหราชอาณาจักรในอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
สำหรับในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2565) การค้าระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร มีมูลค่า 4.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 1.01% ของการค้าไทยในตลาดโลก ขยายตัว 12.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยการส่งออกของไทย มีมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.69% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ ไก่แปรรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์อุปกรณ์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และไทยนำเข้าจากสหราชอาณาจักร มูลค่า 1.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 7.55% สินค้านำเข้าที่สำคัญ อาทิ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม