แบรนด์โรงแรมอวานี (Avani) ในเครือ ไมเนอร์ โฮเทลส์ (Minor Hotels) ประกาศเปิดตัวโครงการโรงแรมอวานีแห่งแรกในมัลดีฟส์ อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท (Avani+ Fares Maldives Resort) ซึ่งจะตั้งอยู่ในเขตสงวนชีวมณฑลยูเนสโก บา อะทอลล์ (Baa Atoll UNESCO Biosphere Reserve) ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 โดยจะเป็นรีสอร์ทแห่งที่ 6 ในเครือไมเนอร์ โฮเทลส์ ในมัลดีฟส์
อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท จะเป็นโรงแรมแห่งแรกที่เปิดใหม่ในเขตบา อะทอลล์ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บา อะทอลล์ นับเป็นทำเลทองที่ใคร ๆ ต่างปรารถนา การเปิดตัวในครั้งนี้จึงถือเป็นการเขย่าวงการโรงแรมในมัลดีฟส์ให้คึกคัก โดย อวานี พลัส แฟเรส จะตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัว และจะมอบประสบการณ์การพักผ่อนและการบริการชั้นเลิศ ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด สมกับเป็นรีสอร์ทระดับพรีเมียมในมัลดีฟส์
รีสอร์ทซึ่งสร้างขี้นใหม่นี้ตั้งอยู่บนเกาะธรรมชาติเขตร้อน โดยมีตัวเลือกห้องพักมากมาย ตั้งแต่ บีช พูล วิลล่า บีช พาวิลเลียนขนาด 4 ห้องนอน ไปจนถึงวิลล่าเหนือน้ำทะเลขนาด 3 ห้องนอนตรงกันข้ามอ่าวสีมรกตขนาดใหญ่ ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มีพื้นที่เปิดกว้างรับลมและแสงจากธรรมชาติเพื่อความผ่อนคลาย พร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของแขกผู้เข้าพักในยุคปัจจุบัน อวานี พลัส แฟเรส ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมอีกมากมาย เช่น ร้านอาหาร ฟิตเนส กีฬาทางน้ำ และสปาที่พร้อมปรนนิบัติทุกท่านด้วยทรีตเมนต์สุดผ่อนคลาย ซึ่งเชื่อว่าจะดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งคู่รัก ครอบครัว และกลุ่มเพื่อน
ด้วยที่ตั้งที่อยู่บนเกาะซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ทางธรรมชาติทางตะวันตกของ บา อะทอลล์ จึงทำให้แขกผู้มาเยือนสามารถเดินทางจากรีสอร์ทไปยังอ่าวฮานิฟารู (Hanifaru Bay) ที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้อย่างง่ายดาย อ่าวฮานิฟารูถือเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศทางท้องทะเลและเป็นหนึ่งในแหล่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูปลากระเบนราหู นอกจากนี้ รอบ ๆ เกาะแฟเรสยังมีจุดดำน้ำให้นักประดาน้ำได้เลือกสรรมากถึง 12 จุด แขกผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินกับการชมแนวปะการัง ณ บริเวณทะเลริมหาดของอวานี ความยาวกว่า 220 เมตร ซึ่งเต็มไปด้วยเต่า โลมา และสัตว์น้ำมากมาย ซึ่งห่างจากชายหาดแฟเรสออกไปเพียง 600 เมตร ก็ยังมีจุดดำน้ำชมแนวปะการังอื่น ๆ อีกด้วย
แฟเรส นับเป็นหนึ่งในเกาะที่สวยที่สุดในหมู่เกาะของมัลดีฟส์ โดยมาพร้อมกับลากูนความยาวถึง 2.6 กิโลเมตรบริเวณด้านหน้าของเกาะ จึงให้ความสงบและเป็นส่วนตัว ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแนวปะการังและสัตว์ทะเล พร้อมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็นอันสวยงามตระการตา และเนื่องด้วยทำเลที่อยู่ช่วงขอบของ อะทอลล์ รีสอร์ทแห่งนี้จึงไร้แสงรบกวนจึงสามารถดูดาวย่ามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน ซึ่งการเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติเวลานา (Velana International Airport) มา ณ สวรรค์แห่งน้ำใสเขียวมรกตและหาดทรายขาวละเอียดแห่งนี้ จะใช้เวลาเดินทางเพียง 35 นาที โดยเครื่องบินน้ำ อวานี พลัส แฟเรส มีห้องอาหารทั้งสิ้น 7 ร้าน ให้แขกผู้เข้าพักสามารถอิ่มอร่อยกับตัวเลือกอาหารทั้งอาหารท้องถิ่นและอาหารนานาชาติได้ตลอดการเข้าพัก หรือจะเลือกรับประทานอาหารในวิลล่า หรือริมชายหาดในแบบส่วนตัวก็ได้เช่นกัน โดยเมนูอาหารได้รับการออกแบบเพื่อมอบอรรถรสที่หลากหลายให้กับการรับประทานอาหาร พร้อมกับความใส่ใจในเรื่องการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการเลือกใช้วัตุดิบตามฤดูกาล รีและผลผลิตออร์แกนิคที่ได้จากฟาร์มของรีสอร์ท รวมถึงอาหารทะเลสดใหม่ที่ส่งตรงจากชาวประมงในพื้นที่ในทุก ๆ วัน นอกจากนี้ ยังมีห้องอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับเด็กโดยเฉพาะแห่งแรก ซึ่งนอกจากเมนูอาหารที่อร่อยและถูกต้องตามหลักโภชนาการ เด็ก ๆ ยังจะได้กินไปเล่นไปในห้องอาหารได้อย่างสนุกสนานเต็มที่
สำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย สามารถเพลิดเพลินกับ อวานี ฟิต (AvaniFit) ฟิตเนสที่มีโปรแกรมการออกกำลังที่ออกแบบร่วมกับโค้ชมืออาชีพ สำหรับท่านที่มองหาความผ่อนคลาย ก็สามารถเพลิดเพลินกับบริการสปาระดับโลกได้ที่ อวานี สปา (AvaniSpa) ซึ่งมีทั้งทรีตเมนต์คืนความอ่อนเยาว์และตัวเลือกด้านสุขภาพที่คัดสรรมาอย่างดี ในขณะที่ อวานี คิดส์ (AvaniKids) ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงมากมายให้คุณหนู ๆ ได้เพลิดเพลิน ระหว่างที่ผู้ปกครองใช้เวลาส่วนตัวอีกด้วย
วิลเลียม คอสต์ลีย์ (William Costley) รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชีย ของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า "โครงการ อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท เกิดขึ้นเพื่อตอบความต้องการเฉพาะกลุ่มที่เพิ่มสูงขึ้นของนักท่องเที่ยวที่มองหาตัวเลือกที่พักใหม่ ๆ แทนที่พักลักซ์ชัวรีในแบบเดิม ๆ โดยรีสอร์ทแห่งนี้จะส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษร่วมสมัย ณ หนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก และยังจะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์อวานีในฐานะแบรนด์โรงแรมที่บุกเบิกสิ่งใหม่ ๆ เติมเต็มตัวเลือกโรงแรมใหม่ ๆ ที่เข้าถึงง่าย ให้กับมัลดีฟส์"
ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมว่ายน้ำ ดำน้ำชมประการังในเขตอนุรักษ์ หรือชมพรรณไม้ประจำเกาะ แขกผู้มาเยือนจะได้สัมผัสความหลากหลายทางชีวภาพและความสวยงามทางธรรมชาติ ณ เกาะสวรรค์แห่งนี้