R3 บริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อวิสาหกิจชั้นนำของโลก ลงนามเอกสารบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ในการแสวงหาแนวทางการใช้เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (DLT) เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลขององค์กร ความร่วมมือครั้งนี้ซึ่งจะสนับสนุนการดำเนินงานของ ADB อาทิ โครงการด้าน Proof-of-Concept (POC) ที่ดำเนินงานร่วมกับ R3 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบการกำหนดมาตรฐานแบบหลายสกุลเงินข้ามพรมแดน บนพื้นฐานของการใช้เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (DLT) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการแสวงหาแนวทางการใช้เทคโนโลยี DLT เพื่อ สนับสนุนแผนธุรกิจและการดำเนินงานในภาพรวมของ ADB ผ่านการแสวงหารูปแบบการใช้งาน (use case) ของ DLT เพื่อการปรับปรุงโครงสร้างหลักของอุตสาหกรรมการเงินทั้งในด้านความยั่งยืน ความน่าเชื่อถือและการตรวจสอบได้ สินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการระบุตัวบุคคลและการยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC) ทั่วภูมิภาค ตลอดจนส่งเสริมการขยายขอบเขตการใช้งาน DLT ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ของภูมิภาคและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ ผ่านการประยุกต์ใช้งานให้เห็นในโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อแสดงให้เห็นทั้งประโยชน์ใช้สอยและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
เนื้อหาส่วนหนึ่งของบันทึกยังระบุว่า ธุรกิจสตาร์ตอัปที่ผ่านการรับรองประสิทธิภาพของ ADB จะได้รับการแนะนำให้ใช้งาน Venture Development Program ของ R3 ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเพื่อกระตุ้นและสนับสนุนการทำงานแบบพหุภาคีที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม Corda และ Conclave เพื่อให้ธุรกิจสตาร์ตอัปสามารถย่นระยะเวลาในการรุกเข้าสู่ตลาดได้รวดเร็วขึ้นในช่วงแรกของการทำธุรกิจ
ความร่วมมือครั้งนี้จะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเพิ่มขีดความสามารถในการเปลี่ยนผ่านระบบการทำงานของ ADB เป็นแบบดิจิทัล เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างหลักขององค์กร ตลอดจนเตรียมพร้อมต่ออนาคตในยุคดิจิทัลและวิวัฒนาการของ ecosystem โดยทั้ง ADB และ R3 จะเริ่มทำงานร่วมกันและวิเคราะห์โครงการด้าน Proof of Concept (POC) ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ DLT ตลอดช่วงระยะเวลาของการร่วมมือกันในครั้งนี้
เดวิด อี. รัตเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง R3 กล่าวว่า "DLT ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเทคโนโลยีหลักที่สำคัญต่อองค์กรในการลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเงินซึ่งมีการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญและอยู่ในระดับแถวหน้าของเรื่องนี้ ซึ่งในจำนวนนี้ มีสถาบันการเงินที่มั่นคงระดับโลกและมีการควบคุมที่เข้มงวดหลายแห่งเลือกใช้แพลตฟอร์ม Corda ของเรา ทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ยกระดับความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำอย่าง ADB ซึ่งถือเป็นขั้นแรกของการสร้างความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง การผสานการดำเนินงานและความยั่งยืนในเอเชียแปซิฟิก และเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลขององค์กรต่อไปในอนาคต"