มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42 จัดโดยสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เผยผลสำรวจชี้ลูกค้าใหม่เดินงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้สูง ส่งผลให้สินค้าทุกราคากวาดยอดขายทะลุเป้ารวมกว่า 3 พันล้าน เชื่อปัจจัยหลักมาจากความร่วมมือของดีเวลลอปเปอร์ช่วยกันตรึงราคาสินค้าภายในงานฯ สวนกระแสขาขึ้นของทั้งเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย ค่าแรง และค่าวัสดุก่อสร้าง บวกกับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ของรัฐเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย
นายวรยุทธ กิตติอุดม อุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า "ผลสำรวจจากผู้เข้าชมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42 ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 27-30 ตุลาคมที่ผ่านมาแสดงถึงความสำเร็จอีกครั้งของงานฯ เนื่องจากผู้ชมงานส่วนใหญ่ หรือมากถึง 75.5% เป็นผู้เข้าชมงานมหกรรมฯ เป็นครั้งแรก และอีกประมาณ 24.5% เป็นผู้ที่เคยมางานแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่างานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ที่จัดโดยสามสมาคมอสังหาฯ สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้เพิ่มมากขึ้น และมาจากกลุ่มที่มีรายได้ครัวเรือนที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มที่มีรายได้ครัวเรือน 15,000-30,000 บาทต่อเดือนจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 15.4% เท่ากับกลุ่ม 30,001-50,000 บาท ขณะที่กลุ่มที่มีรายได้ครัวเรือนต่อเดือนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปจนถึง 100,000 บาท จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 30.8% และราว 17.9% ของจำนวนผู้มาเดินงานมีรายได้ครัวเรือน100,001-150,000 บาท ต่อเดือน ส่วนรายได้มากกว่า 150,000 บาท จะอยู่ที่ 20.5%"
"ผลสำรวจยังเผยว่าที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1-3 ล้านบาท ได้รับความสนใจมากที่สุด คิดเป็น 32.3% รองลงมาคือช่วงราคา 3-6 ล้านบาท อยู่ที่ 29.4% ตามมาด้วยราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ที่ 17.7% ส่วนช่วงราคาอื่นๆ ประกอบด้วยโครงการต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท ที่ 11.8% และราคา 6-10 ล้านบาท ที่ 8.8% ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่างานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้สามารถดึงดูดกลุ่มผู้มีรายได้สูงมาร่วมงานคิดเป็น 1 ใน 5 ของผู้ร่วมงานทั้งหมด สอดคล้องกับโครงการที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่าสูงที่ได้รับความสนใจมากเป็นอันดับ 3"
นายวรยุทธ กล่าวเสริมว่า "นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุว่าลูกค้าในงานฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยแท้จริง หรือเรียลดีมานด์ เพราะ 81.5% ของผู้มางานต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะต้องการขยายครอบครัว ต้องการความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น ต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น หรือเพื่อเก็บเป็นสินทรัพย์ของตัวเองและครอบครัว ขณะที่มีเพียง 18.5% ที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนหรือปล่อยเช่า ยิ่งกว่านั้น มีผู้มาร่วมงานถึง 42.5% ที่คาดว่าจะซื้อที่อยู่อาศัยภายในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 24.2% ที่คาดว่าจะซื้อภายในปี 2566 และซื้อหลังจากนั้น 33.3% สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการสนับสนุนของภาครัฐในปีนี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจของลูกค้าส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายมาตรการ LTV กู้ได้ 100% ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสองซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดไว้ให้สิ้นสุดที่สิ้นปีนี้ เช่นเดียวกับมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองที่ได้รับการต่ออายุไปจนถึงสิ้นปีเช่นกัน"
"จากการที่มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42 สามารถกวาดยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ก่อนงานที่ 3 พันล้านบาท เป็นเพราะตลาดอสังหาฯ โดยรวมในขณะนี้เริ่มฟื้นตัวขึ้น ผู้บริโภคกล้าจับจ่ายใช้สอยและกล้าลงทุนกันตามปกติ ขณะที่ผู้ประกอบการมีทั้งสินค้าใหม่มานำเสนอ ควบคู่กับนำสินค้าในสต๊อกมาทำโปรโมชั่นพิเศษช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่ที่สำคัญ คือการที่ผู้ประกอบการพร้อมใจกันตรึงราคาสินค้าในงานครั้งนี้ ไม่ปรับขึ้นตามภาวะการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย รวมถึงค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้าง ช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่มาร่วมงานฯ นอกจากนั้น ช่วงเวลาจัดงานฯ ยังเป็นนาทีทองที่มาตรการสนับสนุนของภาครัฐยังไม่หมดอายุ"
"งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งต่อไปที่มีสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นเจ้าภาพ ได้เริ่มศึกษาแนวทางในการวางกลยุทธ์ความร่วมมือของเหล่าดีเวลลอปเปอร์ว่าจะนำเสนอความคุ้มค่าอะไรเพิ่มขึ้นให้กับผู้บริโภคได้อีกและยังจะทำงานร่วมกับภาครัฐต่อไป เพื่อผลักดันให้มีการขยายมาตรการในปัจจุบันหรือวางมาตรการสนับสนุนใหม่ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ของปี 2566 ต่อไป" นายวรยุทธ กล่าวทิ้งท้าย