บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต หรือ WARRIX กำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO ที่ 6.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย หลังกระแสตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยดีเยี่ยม ความต้องการจองซื้อหุ้นล้นหลาม เตรียมพร้อมนำหลักทรัพย์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก 21 ธันวาคม 2565 นี้
นางสาวนลิน วิริยะเสถียร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ-ตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า หลังจาก บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต หรือ WARRIX ได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 6.10 - 6.30 บาทต่อหุ้น โดยเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อเมื่อวันที่ 6 - 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และจากการสำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) พบว่ามีความต้องการจองซื้อที่ราคาเสนอขายสูงสุดอย่างล้นหลามกว่า 7 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรรแก่นักลงทุนสถาบัน ดังนั้น จึงกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ที่ 6.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ WARRIX ผู้นำธุรกิจ Sport - Health & Lifestyle แบบครบวงจรของประเทศไทย
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 21 ธันวาคม 2565 โดยใช้ชื่อย่อ "WARRIX" ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ที่ 6.30 บาทต่อหุ้น ถือเป็นมูลค่าที่เหมาะสมและสะท้อนปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ซึ่งมีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา และบริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา จึงเชื่อมั่นว่า WARRIX จะเป็นหุ้นคุณภาพที่สร้างผลตอบแทนที่ดี
นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX กล่าวว่า การออกและเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวม 1,134 ล้านบาท หลังจากนี้บริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ประกอบด้วย การลงทุนในโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาและสำนักงาน ถนนพระราม 9 ในปี 2566-2567 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการและดำเนินการโครงการต่างๆ ในอนาคต ภายใต้กลยุทธ์การเติบโตด้วยการพัฒนาธุรกิจ 5 ด้านหลัก ได้แก่ Sport, Active & Lifestyle, Health, Explorer และ D.OASIS (Web 3.0)