บริษัท ซุปเปอร์ คาร์บอน เอ็กซ์ จำกัด บริษัทย่อยในเครือ SUPER ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด บริษัทในเครือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อพัฒนารูปแบบการซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy Certificate (REC) และ Carbon Credits
ฟากซีอีโอ "จอมทรัพย์ โลจายะ" ระบุ การร่วมมือดังกล่าวเป็นการส่งเสริมการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และสนับสนุนธุรกิจที่มีพันธกิจสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality พร้อมตั้งเป้าหมายรุกขยายฐานลูกค้า เพิ่มศักยภาพในการออกใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียนในเครือ SUPER มากถึง 1,000,000 RECs ต่อปี หรือเทียบเท่าการลดก๊าซเรือนกระจก 440,100 ตันคาร์บอนเทียบเท่า (tCO2e) ทั้งนี้ ภายใต้ MOU ดังกล่าว บริษัท ซุปเปอร์ คาร์บอน เอ็กซ์ จำกัด และบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ตั้งเป้าที่จะซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) ภายใต้ข้อตกลง MOU เป็นจำนวน 300,000 RECs ต่อปี ในกรอบระยะเวลา 3 ปี (ตั้งแต่ปี 2566-2568)
ในส่วนของซีอีโอ อินโนพาวเวอร์ คุณอธิป ตันติวรวงศ์ กล่าวว่า "อินโนพาวเวอร์ เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย REC (Sole Distributer) ให้กับ กฟผ. บริษัทในเครือ กฟผ. รวมทั้งพันธมิตร ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย โดยมีศักยภาพในการจำหน่าย REC มากกว่า 6,000,000 ล้าน REC ต่อปี หรือประมาณ 1 ใน 3 ของศักยภาพ REC ทั้งประเทศ และด้วยศักยภาพนี้ อินโนพาวเวอร์ จึงพร้อมที่จะสนันสนุน ซุปเปอร์ คาร์บอน เอ็กซ์ ให้สามารถขยายฐานลูกค้าและเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า บริษัท ซุปเปอร์ คาร์บอน เอ็กซ์ จำกัด (Super Carbon X Co., Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด (INNOPOWER) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ กฟผ. เพื่อร่วมพัฒนารูปแบบการซื้อขายแลกเปลี่ยน ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) และ คาร์บอนเครดิต (Carbon Credits)
ปัจจุบัน บริษัท ซุปเปอร์ คาร์บอน เอ็กซ์ มีความสามารถในการออก REC จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้กลุ่มบริษัทย่อยของ SUPER เป็นจำนวน 700,000 RECs ต่อปี และ ตั้งเป้าที่จะออก REC เป็น 1,000,000 RECs ต่อปี จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ อาทิเช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการหรืออยู่ระหว่างดำเนินการขึ้นทะเบียนกับ The International REC Standard Foundation นอกจาก REC แล้ว บริษัท ซุปเปอร์ คาร์บอน เอ็กซ์ ยังสามารถจัดหาคาร์บอนเครดิต จากโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพและโรงไฟฟ้าก๊าซชีวมวล ให้แก่ผู้ที่มีความต้องการการชดเชยคาร์บอน หรือ Carbon Offset กว่า 300,000 ตันคาร์บอนเทียบเท่า (tCO2e)
โดยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ตกลงซื้อ REC ประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ (Vintage 2022) จากบริษัท ซุปเปอร์ คาร์บอน เอ็กซ์ จำกัด โดยได้มีการส่งมอบ REC ให้กับ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด แล้วบางส่วน และจะจัดส่งส่วนที่เหลือภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566
" ความร่วมมือดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ บริษัทสามารถขยายงานด้านพลังงานทดแทนเพื่อสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างพันธกิจของ SUPER เพื่อช่วยเหลือประเทศไทยในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันทางการค้าในตลาดโลกได้ จากกรณีที่การส่งสินค้าไปสภาพยุโรป จะมีการจัดเก็บภาษีก๊าซเรือนกระจกก่อนข้ามพรมแดนสำหรับสินค้านำเข้า (carbon border adjustment mechanism) หรือ CBAM ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำ REC หรือ คาร์บอนเครดิตไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตสินค้าได้ " นายจอมทรัพย์ กล่าว
ด้าน นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ กฟผ. กล่าวว่า อินโนพาวเวอร์ เป็นผู้ให้บริการขึ้นทะเบียนโครงการพลังงานหมุนเวียน การขอใบรับรองฯ และการซื้อขายใบรับรองฯ แบบเบ็ดเสร็จ เพื่อเพิ่มรายได้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทที่มีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Environmental, Social, Governance: ESG) ในการใช้พลังงานสะอาดได้ตามมาตรฐานสากล ด้วยความร่วมมือกับ SUPER และ ซุปเปอร์ คาร์บอน เอ็กซ์ สนับสนุนให้ อินโนพาวเวอร์ สามารถพัฒนาตลาดซื้อขายใบรับรองฯ ที่พร้อมรองรับทุกความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าได้มากขึ้น
ทั้งนี้ อินโนพาวเวอร์ พร้อมนำนวัตกรรมพลังงาน สนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนให้สามารถเข้าถึงการผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ดียิ่งขึ้น เพื่อการบรรลุสู่เป้าหมายความยั่งยืนในระดับสากล