นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2566 นี้ ยังมีความไม่แน่นอนสูง มีความเสี่ยงเกิดการชะลอตัวในหลายประเทศ และในบางประเทศก็มีโอกาสเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ จากวิกฤตพลังงานที่ยืดเยื้อ เงินเฟ้อที่ลดลงช้า และสภาวะการเงินที่ยังตึงตัวจากนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางในหลายประเทศ โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เป็นปัจจัยที่ยังคงมีผลต่อการลงทุนมากที่สุด โดย FED ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง และมีแนวโน้มขยับขึ้นสูงไปถึงที่ระดับ 5%-5.25% หากเงินเฟ้อยังไม่ทยอยลดลงมาอยู่ในระดับเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูง การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่เอาชนะเงินเฟ้อได้ไม่ยาก บริษัทฯ จึงแนะจัดพอร์ตลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ ที่มีการปรับราคาลงในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น และทองคำ ที่มักจะปรับตัวสอดคล้องไปกับภาวะเงินเฟ้อ และจัดเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงหรือเป็นหลุมหลบภัย สำหรับการลงทุนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนได้
ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการออกเสนอขายกองทุนที่เป็นการลงทุนแบบ Double Structured Complex Return มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเห็นว่ามีจุดเด่นด้านโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการที่ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี โดยมีเป้าหมายให้เงินลงทุนในส่วนนี้เติบโตครอบคลุมเงินต้น และแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนในสัญญาออปชั่น (Option) ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาสินทรัพย์ที่น่าสนใจเพื่อสร้างผลตอบแทน โอกาสนี้ บริษัทฯ จึงเปิดตัวกองทุนใหม่รับปี 66 คือ กองทุน SCBDSHARC1YD หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Double Structured Complex Return 1YD ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุน Complex Fund อายุ 1 ปี ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้และทองคำ โดยจะมีการลงทุนในตราสารหนี้ ประมาณร้อยละ 98.60 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อรับเงินลงทุนคืนพร้อมผลตอบแทน/ดอกเบี้ย ที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินต้น และสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับกองทุน ด้วยการลงทุนในสัญญาออปชั่น (Option) ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ Gold spot (XAUUSD) อีกร้อยละ 1.40 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ลักษณะการจ่ายผลตอบแทนของสัญญาเป็นแบบ twin -win เมื่อราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงไม่เกิน 12% เมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์ ณ วันเริ่มต้นสัญญา โดยกองทุนจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 9-17 มกราคม 2566 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท
นางนันท์มนัส กล่าวว่า แม้ตลาดตราสารหนี้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและทิศทางการดำเนินนโยบายของ FED มาอย่างหนักในช่วงปี 2565 แต่จากอัตราผลตอบแทนที่ได้ปรับสูงขึ้นหลังการเทขายที่เกิดขึ้นทำให้ตราสารหนี้มีความน่าสนใจต่อการเข้าลงทุน นอกจากนี้ ตราสารประเภททองคำ ก็มีปัจจัยหนุนทางด้านราคาที่เด่นชัดมากขึ้น ทั้งจาก แรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่น้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2565 และ ความต้องการเข้าถือครองทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในภาวะที่มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือที่เรียกว่า Recession hedge รวมถึงข่าวการเปิดประเทศของจีน (China reopening) ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ประเทศจีนถือเป็นประเทศที่มี Consumer Demand สำหรับทองคำมากสุดในโลก ดังนั้น การกลับมาเปิดประเทศน่าจะช่วยหนุนความต้องการให้ฟื้นกลับมา และเป็นโอกาสให้กับกองทุนที่สามารถหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำได้ อีกทั้ง อายุโครงการของกองทุน มีอายุเพียง 1 ปี จึงมองว่านอกจากจะเป็นโอกาสรับผลตอบแทนแล้ว ยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องได้อีกด้วย
กองทุนมีความเสี่ยงผิดชำระหนี้ (default risk) ที่อาจเกิดขึ้นจากการผิดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร/เงินฝาก ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนได้ และผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในช่วงเวลา 1 ปี กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เช่น สัญญาออปชั่น สัญญาวอร์แรนท์ (Warrant) ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการที่ บลจ.ไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-7777 กด 0 กด 6 และผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://scbam.info/3X7JUoR
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้ยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน