PERM คว้างานใหม่ 25 ลบ.รับรู้ใน Q2/51 มั่นใจปีนี้รายได้เป็นไปตามเป้า 2.1 พันลบ.

ข่าวทั่วไป Thursday April 10, 2008 14:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
"ชูเกียรติ"ยิ้มร่า PERM คว้างานใหม่จาก บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิบซัม(สระบุรี) จำกัด มูลค่า 25 ลบ. เตรียมรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 2/51 หนุนงานในมือเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันออเดอร์งานเหล็กมีประมาณ 100-200 ล้านบาท มั่นใจปีนี้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 2,100 ล้านบาทแน่นอน ได้อานิสงส์จากราคาเหล็กที่ ทรงตัวในระดับสูงอีกทั้งมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากฐานลูกค้าที่ขยายตัว พร้อมประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กปีนี้ยังเป็นขาขึ้นจากความต้องการที่ยังอยู่ในระดับสูง
นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PERM เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทได้รับงานโครงสร้างหลังคาเหล็ก จาก บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิบซัม (สระบุรี) จำกัด มูลค่า 25 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/51 และจากงานดังกล่าวทำให้ PERM มีงานในมือที่เซ็นสัญญาแล้ว(backlog) เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีงานหลังคาเหล็กอยู่ประมาณ 100-200 ล้านบาท
“ขณะนี้บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิบซัม จะมีการขยายโรงงานเพิ่มเติม ทำให้เราได้งานมามูลค่า 25 ล้านบาท ซึ่งงานที่ PERMได้มาเป็นเพียงเฟสแรกเท่านั้น ยังจะมีเฟสที่ 2 และ 3 ตามมาอีก และเราก็มั่นใจว่าในเฟสที่เหลือน่าจะได้รับงานดังกล่าว จากความโดดเด่นในเรื่องของคุณภาพของสินค้าและบริการ ทั้งนี้เราก็มีลูกค้าประจำที่มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนานถึง 10 ปี และให้บริการที่รวดเร็วและบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีลูกค้ายังสั่งซื้อสินค้าต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนลูกค้าจากอุตสหกรรมยานยนต์คิดเป็น 25-30% ,อุตสาหกรรมไฟฟ้า 30% และอื่นๆ 25-30% และเชื่อว่าในอนาคตของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย”
เขากล่าวต่อถึงผลประกอบการในปีนี้ว่าได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ระดับประมาณ 2,100 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะทำได้ตามที่คาดการณ์ไว้ จากฐานของลูกค้าที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นและมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งราคาเหล็กที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงทำให้บริษัทได้รับผลบวกจากปัจจัยดังกล่าว และในปัจจุบัน PERM มีสต็อกเหล็กล่วงหน้าประมาณ 3 เดือนซึ่งเป็นสต็อกเก่าของต้นปี 2551 ขณะที่ราคาเหล็กในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นมากและมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นต่อไปอีก ส่งผลทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากการสต็อกเหล็กดังกล่าว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้อีกประมาณ 10% เป็น 1.4 - 1.5 แสนตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.2 แสนตันต่อปี หลังจากโรงงานแห่งที่ 5 แล้วเสร็จ โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ภายในปีนี้
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมเหล็กในปีนี้ ยังมั่นใจว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้งประเภทเหล็กรีดร้อนและเหล็กรีดเย็น โดยคาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นได้อีกและมีแนวโน้มจะปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาสินแร่เหล็กได้ปรับตัวขึ้น โดยผู้ประกอบการต่างคาดการณ์ว่าช่วงเดือน ก.ค.นี้ราคาสินแร่เหล็กน่าจะขยับขึ้นอีกประมาณ 60% ขณะที่ความต้องการใช้เหล็กได้ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ทุกปี ซึ่งเมื่อความต้องการใช้เหล็กของทั่วโลกมีมากขึ้น อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะการขาดแคลนเหล็กได้ ดังนั้นราคาเหล็กจึงเป็นไปได้ที่จะปรับตัวขึ้นสูงตามไปด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สิริน วิวัฒน์เจริญพงศ์ โทร. 02-5549353 / 089-7286389

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ