บมจ.เมพ คอร์ปอเรชั่น (MEB) ผู้นำในการประกอบธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) จัดจำหน่ายอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader) และธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มระบบห้องสมุดดิจิทัลสำหรับองค์กร (Hibrary) ของเมืองไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเซ็นทรัล รีเทล พร้อมเดินหน้าเข้าระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จ่อขายหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 75.5 ล้านหุ้น ภายในไตรมาส 1/66 นี้ ระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจที่อยู่ในแพลตฟอร์มปัจจุบัน และใช้สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ๆ พร้อมกับปรับปรุงพัฒนาแพลตฟอร์มและเป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง
นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ" หรือ "MEB") ในฐานะผู้นำธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผ่านแพลตฟอร์ม meb และ readAwrite ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอ่านวรรณกรรมออนไลน์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการเดินหน้าระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 75.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.5 บาทต่อหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 25.17% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ MEB เป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ MEB ดำเนินธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผ่านเว็บไซต์ www.mebmarket.com และ www.readAwrite.com และแอปพลิเคชัน meb และ readAwrite บนระบบปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งทั้ง 2 แพลตฟอร์มมีวรรณกรรมออนไลน์ที่จัดจำหน่ายที่แตกต่างกันดังนี้ 1.แพลตฟอร์ม meb จำหน่ายวรรณกรรมออนไลน์ที่มีความหลากหลายจากสำนักพิมพ์และเจ้าของผลงานอิสระ เช่น นิยาย หนังสือทั่วไป (non-fiction) การ์ตูน นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ เป็นต้น โดยมีการจำหน่ายวรรณกรรมเป็นเล่มและเป็นชุด ขณะที่ แพลตฟอร์ม readAwrite เป็นแพลตฟอร์มสำหรับชุมชนนักเขียน-นักอ่าน โดยให้สมาชิกสามารถโพสต์คอนเทนต์หรือเนื้อหาได้ด้วยตัวเอง (User Generated Content หรือ "UGC") โดยเจ้าของผลงานสามารถเลือกที่จะจำหน่ายผลงานของตัวเอง และ/หรือ ให้นักอ่าน Donate ให้เพื่อเป็นการสนับสนุน โดยลักษณะเนื้อหาจะเป็นการนำเสนอนิยายเป็นตอนและนิยายแชท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ การจัดจำหน่ายอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader) และ ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มระบบห้องสมุดดิจิทัลสำหรับองค์กร (Hibrary) โดยผู้ใช้บริการสามารถสร้างห้องสมุดดิจิตอลของตัวเอง และเผยแพร่วรรณกรรมให้แก่บุคคลากรในองค์กร โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ บริษัทเอกชน และโรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งดำเนินงานผ่านบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด ("Hytexts")
"บริษัทฯ เป็นผู้นำในด้านการประกอบธุรกิจจำหน่ายวรรณกรรมออนไลน์ในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งเมื่อพิจารณาจากรายได้รวม ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าความสำเร็จของบริษัทฯ เกิดจากการมีแพลตฟอร์มที่สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังมีเนื้อหาสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ ผู้สูงวัย หรือแม้แต่นักลงทุน และนักธุรกิจ เป็นต้น โดยบริษัทฯ เชื่อว่าแพลตฟอร์มของบริษัทฯ ได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นจากผู้ใช้บริการและเจ้าของผลงาน ในธุรกิจจำหน่ายวรรณกรรมออนไลน์อย่างกว้างขวาง ในความเป็นหนึ่งทั้งด้านการบริการ ด้านคุณภาพ ด้านความหลากหลาย ด้านความสะดวกสบายในการเข้าถึง และด้านความคุ้มค่าของวรรณกรรมที่มีการจำหน่ายอยู่บนแพลตฟอร์ม ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา"
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในปี 2562 - 2564 และงวด 9 เดือนของปี 2565 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 618.72 ล้านบาท 1,004.68 ล้านบาท 1,456.38 ล้านบาท และ 1,263.54 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 82.09 ล้านบาท 164.74 ล้านบาท 275.34 ล้านบาท และ 241.85 ล้านบาท ตามลำดับ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MEB กล่าวอีกว่า การเข้าระดมทุนเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ นำเงินที่ได้รับไปใช้สำหรับการขยายธุรกิจที่อยู่ในแพลตฟอร์มปัจจุบัน ประกอบด้วย meb readAwrite และ Hytexts โดยการเพิ่มเนื้อหาวรรณกรรมออนไลน์ ทั้งจากการซื้อลิขสิทธิ์วรรณกรรมประเภทนิยาย และประเภทอื่นที่ไม่ใช่นิยาย และใช้สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบัน และท้ายสุดใช้ในการปรับปรุงพัฒนาแพลตฟอร์มปัจจุบันให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงต่อไป