บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ "Pi" "พาย" มองว่า ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปรับขึ้น 1% ได้แรงหนุนจากกลุ่ม Tech ใน Nasdaq หลังจาก Netflix รายงานสมาชิกที่สูงขึ้น ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับเพิ่มขึ้น 1.7% รับแรงหนุนจากการเปิดเมืองของจีนหนุนอุปสงค์
สัปดาห์นี้เชื่อว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับ (1) ในคืนวันอังคารจะมีการดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิตของฝั่ง EU ซึ่งตลาดคาดการณ์ระดับที่ต่ำกว่า 50 สะท้อนถึงภาคการผลิตที่ยังหดตัว มองเป็นลบต่อหุ้นที่มีรายได้ใน EU (KCE TU) (2) ในคืนวันพฤหัสบดีจะมีการรายงานยอดบ้านมือหนึ่งของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินที่ 6.12 แสนหลังคาเรือนพร้อมกับคำสั่งซื้อสินค้าคงแทน Bloomberg ประเมินไว้ที่ 2.4%MoM ส่วนในประเทศจะเน้นไปที่ (1) การประชุม กนง. ในวันพุธ คาดทราบผลอย่างเป็นทางการในช่วงบ่าย Bloomberg ประเมินไว้ว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทดสอบระดับ 1.5% (2) ภาวะการค้าระหว่างประเทศประจำเดือน ธ.ค. ในวันอังคาร Bloomberg คาดมูลค่าส่งออกหดตัว 9.6%YoY และนำเข้าหดตัว 8%YoY พร้อมประเมินดุลการค้าจะขาดดุลราว 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากการส่งออกยังหดตัวตามที่ตลาดประเมินไว้ก็เท่ากับว่าหดตัวติดต่อกันมาแล้วราว 3 เดือนติดต่อ ยิ่งสะท้อนถึงภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังอ่อนแรงและสอดคล้องกับที่แต่ละธนาคารพาณิชย์รายงานใน MD&A ถึงความกังวลเศรษฐกิจถดถอย (3) การรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 4Q22 Bloomberg ประเมินว่าในสัปดาห์นี้จะมี SCGP SCC PTTEP หากรายงานต่ำกว่าตลาดประเมินไว้สูงจะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นและ SET ส่วนการตั้งสำรองของกลุ่ม Bank ในการรายงานผลประกอบการ 4Q22 มองเป็นปัจจัยเสี่ยงช่วงถัดไปเนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยช่วงระยะถัดไปอาจเผชิญกับความเสี่ยงของการอ่อนแรงจากเศรษฐกิจโลกและสอดคล้องกับภาคผลิตทั่วโลกที่ปัจจุบันเริ่มอ่อนแรงลง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว SET สัปดาห์นี้ที่ 1650 - 1685 เชิงกลยุทธ์การลงทุนไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุนเช่นเดิมเพราะยังเสี่ยงกับภาวะถดถอยช่วงถัดไป ส่วนหุ้นแนะนำเน้นที่ Laggard Play ที่ Valuation ยังไม่แพงมาก อาทิ สื่อสาร (ADVANC INTUCH) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF RATCH) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SHR SPA) โรงพยาบาล (BCH BDMS CHG) น้ำมัน (PTTEP)
CPN (ถือ / ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท) ช่วง 4Q22 ในแง่รายได้คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผลดีของฤดูท่องเที่ยวและการรับรู้รายได้จากโรงแรมใหม่เต็มไตรมาส แต่ในแง่กำไรสุทธิเราคาดว่าจะอ่อนตัวลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่จะเพิ่มขึ้น เบื้องต้นเราคาดกำไรอยู่ที่ระดับ 2,500 ลบ. และทำให้กำไรทั้งปี 22 อยู่ที่ระดับ 10,515 ลบ. (+47%YoY) ส่วนปี 2023 คาดกำไรจะขยายตัว 11%YoY
PTTEP (ถือ / ราคาเป้าหมาย 175.00 บาท) แนะนำ Trading ระยะสั้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง โดยช่วง 20 วันที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นมากว่า 11% เป็นปัจจัยบวกต่อ PTTEP อย่างไรก็ตามแนะนำเพียงระยะสั้นเนื่องจากคาดกำไรปี 2023 จะลดลง 13.5%YoY