ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.10% โดยปรับขึ้นน้อยกว่าดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสอดรับกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เน้นดูแลลูกค้าสินเชื่อทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง แนะวิธีการแก้หนี้ระยะยาวให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบางด้วยการรวบหนี้เพื่อให้สามารถปรับตัวและบริหารจัดการสภาพคล่องได้ ออกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ PLR (Prime Lending Rate) สำหรับกลุ่มลูกค้าชั้นดี พร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อเพิ่มผลตอบแทนและส่งเสริมการออม
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 มกราคม 2566) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.50% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของธนาคารสูงขึ้น ธนาคารจึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.10% ต่อปี ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยกว่าดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดูแลลูกค้าสินเชื่อทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ธนาคารได้มีการออกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ PLR สำหรับกลุ่มลูกค้าชั้นดี และมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อเพิ่มผลตอบแทนและส่งเสริมการออม
โดยธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี MLR (Minimum Loan Rate) 0.10% ต่อปี ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย MOR (Minimum Overdraft Rate) สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี 0.10% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี MRR (Minimum Retail Rate) 0.10% ต่อปี
ทั้งนี้ ธนาคารให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง และยังคงมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาตยังเป็นธนาคารแรกและธนาคารเดียว ที่ออกอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลูกค้าชั้นดี (PLR: Prime Lending Rate) ด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ 2.75% ต่อปี เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ด้านกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น ธนาคารแนะนำมาตรการแก้หนี้ระยะยาว ด้วยการรวบหนี้ (Debt Consolidation) เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ย เพิ่มสภาพคล่องด้วยยอดผ่อนต่อเดือนที่ลดลง ขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อยก็สามารถเข้าร่วมมาตรการฯ ได้เช่นกัน
ในด้านการออม ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการออมเงินเพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น โดยธนาคารได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ดังนี้
- บัญชีเงินฝากประจำพิเศษ ทีทีบี อัพ แอนด์ อัพ 24 เดือน ที่ให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุก ๆ 6 เดือน และได้รับดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเงินฝากที่มุ่งเน้นการออมในบัญชีดอกเบี้ยสูง เพิ่มสภาพคล่อง ถอนได้ก่อนกำหนด ไม่ถูกลดดอกเบี้ย และเริ่มฝากขั้นต่ำได้ที่ 5,000 บาท โดยธนาคารได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขั้นสูงสุดจาก 2.50% เป็น 3.00% ต่อปี
- บัญชี ทีทีบี มีเซฟ เงินฝากดิจิทัลที่ออมง่ายได้ดอกสูง ฝาก-ถอนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ดูดอกเบี้ยสะสมได้ทุกวัน ปรับดอกเบี้ยรวมโบนัสขึ้นจาก 1.70% เป็น 2.00% ต่อปี
โดยการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้ และเงินฝากดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป
"ธนาคารมีความเข้าใจและห่วงใยถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อลูกค้า จึงยังคงใช้แนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบค่อยเป็นค่อยไปมาโดยตลอด เพื่อช่วยให้ลูกค้ายังคงสามารถจัดการบริหารสภาพคล่องในการใช้ชีวิตและการดำเนินธุรกิจได้ อย่างไรก็ตามเรายังให้ความสำคัญในเรื่องการส่งเสริมการออม ตอกย้ำจุดยืน Make REAL Change เพื่อช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับชีวิตทางการเงินของคนไทยอย่างแท้จริง" นายปิติ กล่าวสรุป