บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศวันนี้ว่า โรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 31.20 เมกะวัตต์ และกำลังผลิตไอน้ำ 7.15 ตันต่อชั่วโมง ได้เดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็น 150.95 เมกะวัตต์ กำลังผลิตไอน้ำรวม 17.15 ตันต่อชั่วโมง โดยกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปี สำหรับกำลังการผลิตส่วนขยายนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมและสร้างรายได้เพิ่มให้กับโรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่น ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมดด้วย บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้การจำหน่ายไฟฟ้าจากส่วนขยายในไตรมาส 1 ปีนี้เป็นต้นไป
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำลังการผลิตติดตั้งใหม่ของโรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่น 31.20 เมกะวัตต์ และกำลังผลิตไอน้ำ 7.15 ตันต่อชั่วโมง พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเริ่มคลี่คลาย ปัจจุบัน กำลังการผลิตของ ส่วนขยาย 20 เมกะวัตต์ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้าเป็นที่เรียบร้อย และยังมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าทั้งในส่วนของไฟฟ้าและไอน้ำในพื้นที่อุตสาหกรรมชุมนุมทรัพย์ และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนครด้วย
"บริษัทฯ มีความยินดีที่การพัฒนาโรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่นส่วนขยายดำเนินการสำเร็จจนสามารถเดินเครื่องผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้วในวันนี้ สำหรับเทคโนโลยีการผลิตของส่วนขยายมีประสิทธิภาพสูงโดยสามารถเพิ่มและลดการผลิตได้ในเวลาอันรวดเร็วและใช้เชื้อเพลิงได้คุ้มค่า ส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิต รวมทั้งยังช่วยเสริมเสถียรภาพของโรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่นในการผลิตและส่งไฟฟ้าให้กับลูกค้าในภาพรวมได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากนี้ โรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่น ยังให้ความสำคัญกับการจัดการปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยควบคุมให้อยู่ในระดับที่ดีกว่าค่ามาตรฐานของกฎหมาย รวมทั้งยังมีการตรวจวัดประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) แล้ว และจะใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการลดปริมาณการปล่อยให้ลดลงต่อไป" นางสาวชูศรี กล่าว
โรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่น เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Producer: SPP) ประเภท โคเจนเนอเรชั่น ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าประเภทเอสพีพี ตั้งอยู่ในประเทศไทย 7 โครงการ มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 593.44 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 568.96 เมกะวัตต์