กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
จากการที่ “ซัมซุง” ประกาศกร้าวถึงนโยบายการรุกตลาดโทรศัพท์มือถืออย่างรุนแรงและต่อเนื่องเพื่อให้ได้มาซึ่ง การเป็นแบรนด์โทรศัพท์มือถืออันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคในประเทศไทยภายในปี 2010 นับเป็นพันธสัญญาที่ท้าทาย เซียนตลาดมือถือและนักการตลาดที่คร่ำหวอดในวงการสื่อสารและโทรคมนาคมเป็นอย่างมาก หลายคนคงรู้สึกว่า นี่คือแถลงการที่ดูเกินจริง ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามองของตลาดทั่วไปเพราะการที่ “ซัมซุง” ออกมาประกาศความมั่นใจขนาดนี้ ย่อมแสดงว่าซัมซุงต้องมีกลเม็ดเด็ดพรายในการพิชิตเก้าอี้ตำแหน่งแชมป์ที่น่าจะพอสมเหตุสมผลแฝงอยู่อย่างแน่นอน
ปี 2008 เป็นปีที่ซัมซุงดำเนินนโยบายสานต่อความสำเร็จในการก้าวขึ้นสู่แบรนด์มือถืออันดับ 2 ของประเทศภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งหลังจากปิดตัวเลขล่าสุดในปลายปี 2007 ด้วยยอดถึงขาย 1.1 ล้านเครื่องนั้นเนื่องมาจาก 4 ปัจจัยหลักที่ซัมซุงได้ปูรากฐานไว้อย่างหนาแน่นแข็งแกร่ง นั่นคือ ความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและดีไซน์ที่มีความสวยโดดเด่น ทันสมัย การทำพรีเมียมแบรนด์ดิงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวสินค้าและองค์กร รวมไปถึงการบริหารจัดการด้านการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นจนถึงมือผู้บริโภคแบบ Operational Excellence
เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จและเดินหน้าไปสู่ความท้าทายในอีกขั้น ซัมซุงได้เตรียมกองทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดกว่า 40 รุ่นภายใต้งบอัดฉีดประมาณกว่า 500 ล้านบาทในปีนี้เพื่อขยายยอดจำหน่ายให้ได้กว่า 100% หรือประมาณ 2 ล้านเครื่องและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 20% ภายในสิ้นปี 2008 ทั้งนี้ซัมซุงได้วางยุทธศาสตร์หลักๆ เพื่อปูทางให้ถึงฝั่งฝันใน 3 แนวทาง ได้แก่ ยุทธศาสตร์ทางด้านผลิตภัณฑ์ ยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยีและดีไซน์ และยุทธศาสตร์ด้านการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดจำหน่าย
ชูกลยุทธ์ “โมบาย เซ็กเมนต์” ปรับกลุ่มผลิตภัณฑ์สู่ 6 เซ็กเมนต์หลักเพื่อให้เข้าถึงและตรงใจ
จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกของผู้บริโภคจำนวน 20,000 คนในกลุ่มไลฟ์สไตล์ 64 ประเภท ใน 25 ประเทศ ครอบคลุม 5 ทวีปทั่วโลก ทั้งในด้านการใช้ชีวิตประจำวันและทัศนคติเพื่อให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมบนมือถือที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้ใช้อย่างแท้จริง ทำให้ซัมซุงสามารถจัดแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ Segmentation Targeting Positioning (STP) ใหม่ตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ชัดเจนตามรูปแบบการใช้ชีวิตและความต้องการด้านการใช้งานเป็น 6 กลุ่ม คือ 1) สไตล์ (Style) เน้นความโดดเด่นด้านดีไซน์ที่สวยงามล้ำสมัย 2) มัลติมีเดีย (Multimedia) โทรศัพท์มือถือ ที่พร้อมไปด้วยฟังก์ชันด้านมัลติมีเดียในด้านการถ่ายภาพและฟังเพลงเพื่อกลุ่มคนรุ่นใหม่ 3) อินโฟเทนเมนต์ (Infotainment) สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อข้อมูลในยุคดิจิตอลพร้อมความสนุกสนานในทุกความบันเทิง 4) ธุรกิจ (Business) สมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งานทางธุรกิจเต็มรูปแบบ 5) คอนเน็ค (Connected) สำหรับการใช้งานติดต่อสื่อสารทั่วไปเป็นหลัก และ 6) เอสเซนเชี่ยล (Essential) โทรศัพท์จอสีพร้อมคุณสมบัติพื้นฐานสำหรับกลุ่มผู้เริ่มต้น ใช้โทรศัพท์มือถือ ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นเป็นตัวแทนจากแต่ละเซ็กเมนต์นำมาอวดโฉมในงาน Samsung Mobile Roadshow 2008 ประกอบด้วย
โทรศัพท์มือถือ “ซัมซุง โซล” (สไตล์) โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดของ “ซัมซุง อัลตร้า เอดิชั่น” (Samsung Ultra Edition) ได้รับการนำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Spirit Of Ultra” ความสมบูรณ์แบบแห่งการผสานดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวเข้ากับคุณสมบัติการใช้งานชั้นสูง รองรับการเชื่อมต่อไร้สายในระบบ HSDPA ความเร็วสูงสุด 7.2 เมกะไบต์ต่อวินาทีซึ่งรับส่งข้อมูลเร็วกว่าเครือข่าย 3G ปกติ พร้อมกล้องถ่ายภาพความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ในขนาดบางเพียง 12.99 มิลลิเมตร เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยร่วมกับ “ซัมซุง อัลตร้า เอดิชั่น 3” ในเดือนมิถุนายนนี้
โทรศัพท์มือถือ “ซัมซุง F400” (มัลติมีเดีย) มิวสิคโฟนที่ให้ประสิทธิภาพเสียงเหนือระดับกับเทคโนโลยีระบบเสียงดิจิตอล ICEpower? จาก แบงก์ แอนด์ โอลูฟเซ่น (B&O) มาพร้อมกับลำโพงไฮ-ไฟในตัว เพื่อประสบการณ์พลังเสียง เต็มอารมณ์ในดีไซน์โดดเด่นภายใต้ตัวเครื่องแบบสไลด์ 2 ทิศทาง (Dual Slider)
โทรศัพท์มือถือ “ซัมซุง G810” (อินโฟเทนเมนต์) รวบรวมสุดยอดของฟังก์ชันการใช้งานทั้งสาระ และความบันเทิงควบคู่กันอย่างลงตัว ละเอียดสุดด้วยกล้องถ่ายภาพขนาด 5 ล้านพิกเซล ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ซิมเบียน (Symbian) เวอร์ชัน 9.2 สามารถเชื่อมต่อไว-ไฟ และรองรับซอฟต์แวร์ GPS Navigation, ระบบบันทึกข้อมูลพิกัดสถานที่ลงบนภาพถ่าย (Geotagging), สืบค้นข้อมูลด้วยกูเกิล (Search, Map & Gmail)
โทรศัพท์มือถือ “ซัมซุง i780” (ธุรกิจ) สมาร์ทโฟนอัจฉริยะ โดดเด่นด้วยแป้นพิมพ์แบบ QWERTY Keyboard และหน้าจอระบบสัมผัส (Touch screen) ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์โมบายล์ เวอร์ชัน 6.0 (Window Mobile Professional 6.0) รองรับบริการ Push Mail และ GPS Navigation สั่งงานสะดวกรวดเร็วด้วยออพติคัลเมาส์ พร้อมกล้อง 2 ล้านพิกเซล และรองรับการทำงานในเครือข่าย HSDPA วางจำหน่ายแล้วในราคา 17,500 บาท
โทรศัพท์มือถือ “ซัมซุง M620” (คอนเน็ค) โทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชันการใช้งานไม่ซับซ้อนเพื่อการติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างโดยเฉพาะ มาพร้อมกับหน้าจอทีเอฟที แอลซีดีขนาด 1.9 นิ้วให้ สามารถถ่ายภาพนิ่งและบันทึกวีดีโอ พร้อมเครื่องเล่นเพลงและวิทยุเอ็ฟเอ็มในตัว รองรับการ์ดหน่วยความจำ MicroSD สูงสุด 2 กิกะไบต์
โทรศัพท์มือถือ “ซัมซุง B200” (เอสเซนเชี่ยล) โทรศัพท์มือถือที่มาพร้อมคุณสมบัติการใช้งานขั้นพื้นฐาน ครบครันสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเริ่มต้น ทั้งวิทยุเอ็ฟเอ็มที่สามารถบันทึกเสียงและนำมาเป็นทำสียงเรียกเข้าได้ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน “โมบายล์ แทร็คเกอร์ (Mobile Tracker)” ระบบติดตามโทรศัพท์ในกรณีสูญหาย
“คุณภาพเวิลด์คลาส การันตีด้วยรางวัลระดับโลก” พร้อมกลยุทธ์ “Co-branding-เสริมภาพลักษณ์ซึ่งกันและกัน”
โทรศัพท์มือถือซัมซุงจะไม่เป็นเพียงแค่อุปกรณ์สื่อสาร แต่ยังเป็นสิ่งสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ซัมซุงได้ทุ่มเทในการศึกษาแนวโน้มและความนิยมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน เพื่อถ่ายทอดนวัตกรรมล้ำสมัยสู่ผลิตภัณฑ์ได้รังสรรค์ขึ้นให้สอดคล้องกับการใช้งานที่หลากหลายและแตกต่างกันของลูกค้าในแต่ละไลฟ์สไตล์อย่างครบถ้วน ขณะเดียวกันซัมซุงก็จะยังคงก้าวต่อไปในฐานะผู้นำด้านดีไซน์และเทคโนโลยีด้วยการทำ แบรนด์ร่วม (Co-branding) กับบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านต่างๆ อย่างเช่นในปีที่ผ่านมา ซัมซุงได้ร่วมมือกับเจ้าพ่อแห่งวงการแฟชั่น “จิออร์จิโอ อาร์มานี” จนได้สุดยอดแห่งมือถือแฟชั่นดีไซน์เก๋ไก๋ล้ำสมัย “จิออร์จิโอ อาร์มานี - ซัมซุง” ซึ่งเป็นลิมิเต็ด เอดิชันยอดนิยมในทั่วโลก รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีด้านพลังเสียงระบบเสียงดิจิตอลชั้นนำ ICEpower? จากแบรนด์เครื่องเสียงพรีเมียมอย่าง แบงก์ แอนด์ โอลูฟเซ่น (B&O) เข้ามาผนวกเป็นสุดยอดฟีเจอร์ด้านความบันเทิงบน มิวสิคโฟนหลายรุ่นของซัมซุง นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จากซัมซุงยังได้รับรางวัลการันตีมากมายในระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น iF Award, Red Dot Award, Best of the Best Award (โทรศัพท์รุ่นซัมซุง U600) และรางวัลเกียรติยศจากนิตยสารมากมายสำหรับโทรศัพท์ซัมซุงในตระกูลอัลตร้า เอดิชั่น ซึ่งทั้งหมดนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโทรศัพท์มือถือเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการด้านอารมณ์ ของผู้ใช้ได้อย่างตรงใจมากขึ้น เพื่อเป็นส่วนเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทยในปัจจุบัน อันจะช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์และผู้ใช้โทรศัพท์ ซึ่งจะส่งให้ซัมซุงได้ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค (Most Preferred Brand)
ปรับรูปแบบช่องทางการจัดจำหน่าย ขยาย Hub Master และ Drop Point
ซัมซุงได้พัฒนารูปแบบหน้าร้านและดิสเพลย์สินค้าต่างๆ ให้มีความทันสมัย สะดุดตา รวมถึงการปรับเปลี่ยนช่องทางการจัดจำหน่ายให้สามารถเข้าถึงผู้จำหน่ายปลีกได้มากขึ้น ด้วยกลยุทธ์ Retailer Program ที่เน้นการขายตรง การกระจายสินค้าจาก Hub Master ให้ครอบคลุมกว่า 60 พื้นที่ทั่วประเทศไทย เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็วให้กับร้านค้าและผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังจะมีการขยายซัมซุงช้อปและศูนย์รับฝากเครื่องเพื่อส่งเข้าศูนย์บริการหรือ Drop Point จาก 200 แห่งให้เป็น 400 แห่งตามโมเดิร์นเทรดและศูนย์จำหน่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น สำหรับในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซัมซุงมีการดำเนินกิจกรรมการตลาดทั้งแบบ Above the Line และแบบ Below the Line ที่จะคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นสำคัญ นอกจากภาระกิจในการเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้อย่างตรงจุดแล้ว ภารกิจสำคัญของซัมซุงทางด้านการขาย คือความสำคัญกับคู่ค้าทุกรายด้วยการให้ความสนับสนุนในด้านต่างๆ อาทิ 1) การสร้างความใกล้ชิดในการดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยในทุกระดับทั่วภูมิภาค 2) การกำหนดราคามาตรฐานของผลิตภัณฑ์อันจะส่งผลดีให้กับผู้บริโภคโดยตรง 3) การให้ความสนับสนุนกับคู่ค้าในด้านการบริหารสต็อคสินค้าเพื่อกระตุ้นความคล่องตัวในการขาย 4) การจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ เพื่อสนับสนุนการขาย 5) การกระตุ้นการทำตลาดในผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์รุ่นเด่นๆ ในทุกเซ็กเมนต์ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นี่คือนโยบายเสริมทัพของซัมซุงในการชิงชัยเก้าอี้ผู้นำตลาดมือถือ ช่างน่าติดตาม...น่าตื่นเต้น...น่าลุ้น ครั้งนี้จะเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของวงการมือถือหรือไม่ ต้องอดใจรอกันต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ปริญดา นิลทจันทร์
บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด
โทร 0-2695-9169
อีเมล์ prinda.n@samsung.com วัลภา สุขใย
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
โทร 0-2204-8219
อีเมล์ wanlapa.sookyai@jwt.com