ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท ยูโอบี แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ UOBCS ที่ 'AAA(tha)' และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F1+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตสะท้อนถึงปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น: อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBCS พิจารณาจากความคาดหวังของฟิทช์ว่าธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBT (อันดับเครดิตภายในประเทศ AAA(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นธนาคารแม่ จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษแก่บริษัทลูกใหม่ที่ซื้อกิจการมาในกรณีที่จำเป็น โดยฟิทช์ใช้เกณฑ์การสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นในการพิจารณาอันดับเครดิตของ UOBCS เนื่องจากฟิทช์มองว่า UOBCS เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อ UOBT
อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBCS รวมการพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตของบริษัทในเชิงเปรียบเทียบกับบริษัทหรือธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศ และสะท้อนถึงการคาดการณ์ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ออกตราสารรายอื่นหรือภาระผูกพันอื่นในประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ UOBCS ที่ 'F1+(tha)' สอดคล้องกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว และบ่งชี้ถึงความสามารถในการชำระหนี้ในเวลาที่กำหนดหรือความสามารถในการปฏิบัติตามภาระผูกพันทางการเงินอื่นๆ เมื่อเทียบกับผู้ออกตราสารรายอื่นในประเทศ
มีบทบาทสำคัญเชิงกลยุทธ์: UOBCS หรือชื่อเดิมคือบริษัทซิตี้คอร์ป ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลในประเทศไทยที่ UOBT ทำการเข้าซื้อกิจการจาก Citibank N.A. (A+/Stable) โดย UOBCS ได้ถูกโอนกิจการไปยัง UOBT เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ฟิทช์คาดว่าการเข้าซื้อกิจการของ UOBT จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อสถานะทางการตลาดในประเทศไทยของธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจธนาคารสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยการซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้ UOBT มีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น รวมถึงมีฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และน่าจะช่วยส่งเสริมการหาลูกค้าและการต่อยอดธุรกิจจากการร่วมมือกันระหว่าง UOBT และ UOBCS
มีความเชื่อมโยงด้านชื่อเสียง: UOBT มีสัดส่วนการถือหุ้นใน UOBCS ที่ 99.99% นอกจากนี้ยังมีการใช้สัญญลักษณ์ทางการค้าที่เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน และมีการควบคุมการการบริหารงานจากธนาคารแม่ UOBT แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของธนาคารเข้าร่วมในคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของ UOBCS ฟิทช์เชื่อว่าธนาคารแม่จะมีความเสี่ยงในด้านชื่อเสียงอย่างสูงหากบริษัทลูกมีการผิดนัดชำระหนี้
ผสานธุรกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป: ฟิทช์คาดว่าระดับการผสานธุรกิจ (integration) ระหว่าง UOBCS และ UOBT จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากกลุ่ม UOB จะทยอยรวมระบบการดำเนินงานและขั้นตอนในการดำเนินงานต่างๆ เข้ากับ UOBCS อย่างไรก็ตาม UOBCS ได้แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรและการควบคุมความเสี่ยงที่เพียงพอต่อเนื่องตั้งแต่ในอดีตเมื่อครั้งที่บริษัทยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธนาคาร Citibank
การสนับสนุนจากผุ้ถือหุ้นช่วยบรรเทาความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: ฟิทช์มองว่าความเสี่ยงด้านการระดมทุน (funding) ของ UOBCS จะอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากบริษัทสามารถเข้าถึงวงเงินสินเชื่อจากทั้ง UOBT และจาก UOB group ได้ในกรณีที่จำเป็น ซึ่งจะช่วยเป็นช่องทางเสริมจากช่องทางการระดมทุนในปัจจุบันซึ่งได้ระดมทุนผ่านทางการกู้ยืมเงินจากธนาคารอื่นและการออกหุ้นกู้ในประเทศ
ธนาคารแม่มีความสามารถในการสนับสนุนที่แข็งแกร่ง: ขนาดสินทรัพย์ของ UOBCS คิดเป็นเพียงประมาณ 3.3% ของสินทรัพย์รวมของ UOBT ซึ่งหมายความว่าการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกไม่น่าที่จะเป็นภาระอย่างมีนัยสำคัญต่อธนาคารแม่ ทั้งนี้ความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่ UOBCS สะท้อนได้จากอันดับเครดิตของ UOBT ซึ่งได้รับการสนับสนุนมาจาก United Overseas Bank Limited (UOB; AA-/Negative) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงในสัดส่วน 99.7% ใน UOBT
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ UOBCS อาจถูกปรับลดอันดับหากความสามารถของธนาคารแม่ในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูก (ability to support) ปรับตัวลดลงอย่างมาก เช่น หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOBT ถูกปรับลดอันดับ ซึ่งบ่งชี้ถึงความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกที่ลดลง โดยการปรับลดอันดับเครดิตของธนาคารแม่ลงหลายอันดับจะส่งผลให้อันดับเครดิตของ UOBCS ถูกปรับลดอันดับ อย่างไรก็ตามการปรับอันดับเครดิตจะรวมการพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของบริษัทเปรียบเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย
การลดลงของโอกาสในการให้การสนับสนุนของธนาคารแม่ก็อาจส่งผลให้อันดับเครดิตของ UOBCS ถูกปรับลดอันดับได้เช่นกัน เหตุการณ์ดังกล่าวอาจสะท้อนได้จากการลดลงของความเชื่อมโยงระหว่างธนาคารแม่และบริษัทลูก เช่นการลดลงของสัดส่วนการถือหุ้นลงมาต่ำกว่า 75% ควบคู่ไปกับการลดระดับในการควบคุมการดำเนินงานและการร่วมมือกันในเชิงกลยุทธ์ หรือหากมีการปรับตัวลดลงของระดับความมุ่งมั่นในการให้การสนับสนุนในด้านการเงินหรือด้านการดำเนินงานแก่บริษัทลูก อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของโอกาสในการให้สนับสนุนในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตของ UOBCS ไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เนื่องจากเป็นอันดับที่สูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว
อันดับเครดิตหุ้นกู้
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ UOBCS ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท
อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ UOBCS อาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัทถูกปรับลดอันดับ
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ UOBCS ไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เนื่องจากเป็นอันดับที่สูงที่สุดแล้วสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBCS มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของ UOBT