'บมจ.บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป' หรือ BVG หนึ่งในผู้นำการประกอบธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพ เตรียมนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกในวันที่ 17 ก.พ.นี้ เผยกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเยี่ยม หลังมียอดจองหุ้น IPO ล้นหลาม เดินหน้านำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI พลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันก้าวสู่ InsurTech พร้อมเดินหน้าแผนขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน สร้าง New S Curve สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 โดยใช้ชื่อย่อ 'BVG' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดอุตสาหกรรม 'Tech' หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 157.5 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขาย 3.85 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ด้วยพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่นำจุดแข็งด้านฐานข้อมูล (Big Data) มาใช้พัฒนาระบบการให้บริการตลอดห่วงโซ่คุณค่าด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อให้บริการระบบแพลตฟอร์มกลางในการจัดการธุรกิจให้แก่อุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพ ภายใต้ระบบ EMCS และ บริการ TPA ซึ่งช่วยยกระดับกระบวนการทำงานของอุตสาหกรรมประกัน ให้ก้าวสู่การเป็น InsurTech
ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ BVG จะมุ่งรักษาการเป็นผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชั่นประกันภัยรถยนต์และสุขภาพ โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินไหมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมประกัน ได้แก่ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ประมวลผลเพื่อต่อยอดนวัตกรรมการให้บริการเพื่อยกระดับแพลตฟอร์มของ EMCS และ TPA ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ช่วยลดขั้นตอน ระยะเวลาและต้นทุนดำเนินการ พร้อมสร้างประสบการณ์การใช้บริการที่ดีให้แก่ผู้เอาประกัน ซึ่งบริษัทฯ มีแผนนำเสนอบริการจากเทคโนโลยี AI Series เพิ่มเติม ได้แก่ AI Estimate หรือระบบการประเมินความเสียหายเบื้องต้นตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุเพื่อประมาณการค่าสินไหม และ AI Inspection ที่จะช่วยบริษัทประกันภัยตรวจสภาพรถยนต์ในขั้นตอนการต่อกรมธรรม์ หลังประสบความสำเร็จจากการนำเสนอ AI Review ซึ่งช่วยประเมินความเสียหายในกระบวนการพิจารณาและอนุมัติซ่อมรถยนต์ ทั้งหมดนี้เพื่อผลักดันการเติบโตของรายได้จากการให้บริการระบบ EMSC ที่ดียิ่งขึ้น
ขณะที่บริการ TPA บริษัทฯ มีแผนจัดทำโครงการพัฒนาระบบ Optical Character Recognition ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานโดยลดการใช้กระดาษ เพื่อรองรับการปรับตัวของธุรกิจโรงพยาบาลไปสู่ Digital Transformation และต่อยอดสู่การให้บริการ AI Claim Assessment Automation เพื่อพิจารณาค่าสินไหมโรคพื้นฐานได้อย่างถูกต้อง รองรับจำนวนผู้เอาประกันภัยและจำนวนรายการสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BVG กล่าวว่า บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ผ่านโมเดลความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศเป้าหมายเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อให้บริการ e-Claim และ M-Survey ของระบบ EMCS ไปยังประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์เพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ รวมถึงจะร่วมมือกับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจรับประกันภัยต่อในประเทศกัมพูชา เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับริหารจัดการสินไหมทดแทนรักษาพยาบาลของบริษัทประกันภัยและสวัสดิการรักษาพยาบาลของบริษัทเอกชน (บริการ TPA) ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตที่ดีให้แก่ BVG ต่อไปในอนาคต
นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า BVG ถือเป็นบริษัท Tech Company ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงจากพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันในการบริหารจัดการธุรกิจประกันภัยรถยนต์ด้วยระบบ EMCS และให้บริการจัดการสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน (บริการ TPA) ที่ให้บริการแบบครบวงจรครอบคลุมขั้นตอนการพิจารณาสินไหมของประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพ นอกจากนี้ BVG ยังมีแผนพัฒนานำเทคโนโลยี AI มาให้บริการเพิ่มเติมรองรับปัจจัยการเติบโตของอุตสาหกรรมประกัน รวมถึงบริษัทฯ ยังมีแผนต่อยอดขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียน ซึ่งเป็น New S Curve ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน